แหล่งข่าวจากการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) เปิดเผยว่า ในปี 2561 รฟม.จะพิจารณาเรื่องการปรับอัตราค่าโดยสาร รถไฟฟ้าใต้ดิน สายเฉลิมรัชมงคล บางซื่อ-หัวลำโพง ที่ให้บริการในปัจจุบัน ซึ่งครบกำหนดตามสัญญาวันที่ 3 ก.ค. 2561 (สัญญาพิจารณาทุก 2 ปี) โดยจะใช้ข้อมูลดัชนี ผู้บริโภคและอัตราเงินเฟ้อเป็นตัว กำหนดในการประกอบการพิจารณา
ทั้งนี้ หาก รฟม.มีมติเห็นชอบปรับขึ้นค่าโดยสารคาดว่าจะปรับเพิ่มในราคา 3 บาท แต่ยังคงค่าแรกเข้าและเพดานราคาไว้เท่าเดิมที่ 16-42 บาท โดยจะเลือกปรับเพิ่มเป็นรายสถานีรวม 3 แห่ง สถานีละ 1 บาท ส่วนจะเป็นสถานีไหนบ้างขณะนี้ยังไม่สามารถระบุได้
สำหรับประเด็นที่สังคมตั้งคำถามว่า ปริมาณผู้โดยสารมีอัตราการเติบโตมากขึ้นต่อเนื่องจนทำให้เกิดความ แออัดในสถานี แต่เหตุใดบริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ (บีอีเอ็ม) เพิ่งมาจัดซื้อรถไฟเพิ่มในช่วงนี้ ซึ่งก็ได้รับการชี้แจงว่าบริษัทต้องรอความชัดเจนการลงนามสัญญาโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยายช่วงหัวลำโพงบางแคและบางซื่อ-ท่าพระ เมื่อช่วงต้นปี 2560 ที่ผ่านมา จึงตัดสินใจลงทุนจัดซื้อรถไฟฟ้าเพิ่มเพื่อรองรับโครงการใหม่ที่จะเกิดขึ้น
ด้านแผนการจัดซื้อขบวนรถไฟฟ้าใหม่ของบีอีเอ็มจำนวน 35 ขบวนนั้น ประกอบไปด้วย รถไฟฟ้าสายบางซื่อหัวลำโพง 5 ขบวน รถไฟฟ้าสายหัวลำโพง-บางแคและบางซื่อ-ท่าพระ 7 ขบวน และการจัดซื้อเพื่อเดินรถ ในระยะยาวอีก 23 ขบวน
ส่วนด้านนายรณชิต แย้มสอาด ที่ปรึกษารักษาการรองผู้ว่าการการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย เปิดเผย ว่า รถไฟฟ้า MRT สายสีน้ำเงินได้ทำการทดลองถอดที่นั่งผู้โดยสารแถวกลางออกตู้ละ 14 ที่นั่ง ขณะที่สามารถเพิ่มปริมาณผู้โดยสารได้ 90 คน คิดเป็นจำนวน 10% ของปริมาณความจุผู้โดยสาร 900 คน/ขบวน โดยจะหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องว่าจะดำเนินการถอดเบาะให้ครบทั้ง 19 ขบวนได้หรือไม่ คาดว่าจะได้ข้อสรุปต้นเดือน ธ.ค.นี้
ทั้งนี้ การถอดเก้าอี้ออกจะทำให้สามารถเพิ่มปริมาณผู้โดยสารได้ราว 10% ดังนั้น หากตัดสินใจดำเนินการถอดเก้าอี้ทั้งหมด 19 ขบวน จะส่งผลให้สามารถเพิ่มปริมาณผู้โดยสารได้ราว 2 หมื่นคน/วัน เมื่อดูจากช่วงชั่วโมงเร่งด่วนเช้าและเย็นที่มีผู้โดยสารราว 2.2 แสนคน/วัน อีกทั้ง ยังสามารถลดระยะเวลาการรอของผู้โดยสารช่วงชั่วโมงเร่งด่วนได้ราว 40-50% จากเดิมที่ต้องรอ 3-5 ขบวน อาจเหลือเวลารอรถเพียง 1-3 ขบวน/เที่ยว