สรรพากรเล็งเป้า เตรียมเก็บ VAT แพลตฟอร์มออนไลน์ต่างประเทศ Facebook Google Line โดนเรียบ


“เมื่อขายสินค้าและบริการมายังไทย ก็ควรเสียภาษีให้กับประเทศไทย” มติ ครม.ยกระดับการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์ของเอกชนในต่างประเทศตามหลักสากล คาดมีรายได้เพิ่ม 3,000 ล้านบาทต่อปี

นางแพตริเซีย มงคลวนิช รองอธิบดีกรมสรรพากร ในฐานะโฆษกกรมสรรพากร เปิดเผยว่า ตามที่มติประชุมคณะรัฐมนตรีเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. …เพื่อรองรับการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) จากผู้ประกอบการธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์ (e-Business) ในต่างประเทศ เพื่อยกระดับการจัดเก็บภาษีให้เป็นธรรม เหมาะสมกับกิจกรรมในปัจจุบันที่เปลี่ยนแปลงไป

สำหรับช่องทางการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มผ่านการทำธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์ของเอกชนในต่างประเทศ แบ่งออกได้ 2 ช่องทาง ประกอบด้วย

1.ผู้ให้บริการขนาดใหญ่ให้บริการแพลตฟอร์ม เช่น Google Facebook Line แอปพลิเคชันบริการสินค้าของตนเอง บริการเรียกแท็กซี่-มอเตอร์ไซค์ บริการดาวน์โหลดเกม-เพลง หรือซื้อสติกเกอร์ และบริการอื่นๆ เช่นการจองห้องพักหรือบริการผ่านเว็บไซต์ดังค่ายใหญ่ที่ผ่านมามีอัตราเติบโตสูงมาก ดังนั้นค่าบริการที่เรียกเก็บจากลูกค้าต้องแจ้งเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม

2.เอกชนเจ้าของสินค้าทุกแบรนด์ ทุกประเภท ที่วางขายผ่านเว็บไซต์ขนาดใหญ่ แต่เว็บไซต์ไม่ได้เป็นเจ้าของสินค้า ต้องยื่นเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม ขณะที่เจ้าของเว็บไซต์เก็บค่าเช่าพื้นที่จากเจ้าของสินค้าต้องเสีย VAT จากค่าบริการแพลตฟอร์ม

“พฤติกรรมผู้บริโภคในยุคปัจจุบันเปลี่ยนแปลงไปมาก ซื้อขายสินค้าและบริการส่วนใหญ่ทั้งดาวน์โหลดเกม สติกเกอร์ ล้วนแต่ซื้อผ่านออนไลน์และเติบโตขึ้นต่อเนื่อง จึงต้องการให้ผู้ประกอบการขนาดใหญ่ในเวทีโลกจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มเพื่อนำส่งภาษีกับกรมสรรพากร คาดว่าจะมีรายได้จากเว็บไซต์ต่างชาติประมาณ 3,000 ล้านบาทต่อปี” นางแพตริเซีย กล่าว