พาณิชย์ห่วงลำไยล้นตลาด เร่งเพิ่มมาตรการรองรับชาวสวน


นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พาณิชย์ เปิดเผยว่าจากการที่กระทรวงพาณิชย์ โดยกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ ร่วมมือกับสภาเกษตรกรแห่งชาติลงพื้นที่พบปะเกษตรกรชาวสวนลำไยมัดปุ๊ก บ้านร้องขุด อ.สันป่าตอง จ.เชียงใหม่ ซึ่งเป็นกลุ่มวิสาหกิจชุมชนผู้ปลูกลำไยแปลงใหญ่ เพื่อติดตามสถานการณ์การผลิตและการส่งออกลำไยภาคเหนือ ป้องกันลำไยล้นตลาด เมื่อวันที่ 14 กรกฎาคมที่ผ่านมานั้น

กระทรวงพาณิชย์ได้มีมาตรการบริหารจัดการลำไยสดสำหรับปีนี้ ได้แก่

1.ผลักดันลำไยผลสด ออกสู่ตลาดต่างประเทศ โดยเฉพาะอินเดีย รัสเซียและยุโรป รวมถึงตลาด ที่มีคนเอเชียอยู่

2. คือกระจายลำไยออกนอกจังหวัดแหล่งผลิตเป้าหมาย 5,000 ตันผ่านตลาดประชารัฐ โมเดิร์นเทรด สถานีบริการน้ำมัน ปตท.และบางจาก รวมถึงไปรษณีย์ไทยทั่วประเทศ ซึ่งจะเริ่มส่งตั้งแต่ 23 กรกฎาคมนี้

3. สนับสนุนการแปรรูปลำไย เพื่อเพิ่มมูลค่าโดยต่อยอดการใช้นวัตกรรม

และ 4. คือ รณรงค์และประชาสัมพันธ์การบริโภคลำไย ซึ่งเบื้องต้นได้ประสานกับกระทรวงมหาดไทยเชื่อมโยงตลาดและจัดพื้นที่จำหน่าย ทั่วประเทศ

 

สำหรับมาตรการห้ามนำเข้าลำไยของอินโดนีเซียในช่วงเดือน ก.ค.-ส.ค.นี้นั้น  ไทยสามารถใช้ความตกลงเอฟทีเอมองหาตลาดส่งออกอื่นๆ นอกเหนือจากอินโดนีเซีย

 

โดยมอบหมายให้กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศเร่งเปิดตลาดลำไย ปัจจุบันไทยมีเอฟทีเอรวม 12 ฉบับกับคู่ภาคีรวม 17 ประเทศ และทุกฉบับได้ลดภาษีสินค้าลำไยและผลิตภัณฑ์ให้ไทยแล้ว มีเพียงความตกลงไทย-อินเดีย ที่อินเดียยกเลิกภาษีให้เพียงสินค้าลำไยสดเท่านั้น ขณะที่คู่ภาคีส่วนใหญ่ได้ยกเลิกภาษีนำเข้าสินค้าลำไยและผลิตภัณฑ์ให้ไทยแล้ว อาทิ ประเทศคู่ค้าสำคัญอย่างจีนและญี่ปุ่น รวมทั้งอาเซียน ยกเว้น สปป.ลาว ตอนนี้ไทยสามารถส่งลำไยไปขายในประเทศอาเซียน จีนและญี่ปุ่น โดยไม่ต้องเสียภาษีแล้ว

ด้านนายสมหมาย คำมาสาร ประธานสภาเกษตรกรจังหวัดเชียงใหม่กล่าวว่า การที่กระทรวงพาณิชย์ออกมาตรการรักษาเสถียรภาพราคาลำไยได้รวดเร็วมากขึ้นกว่าปีที่ผ่านมา ส่งผลให้ระดับราคาผลผลิตลำไยปรับตัวสูงขึ้นกว่าปีก่อน กิโลกรัมละ 12 บาททำให้มีกำไรจากต้นทุนการผลิตกิโลกรัมละ 14 บาท