ซิตี้ ชี้ ตลาดหุ้นทั่วโลกมีแนวโน้มขยายตัวสูงสุดในรอบ 8 ปี


นายดอน จรรย์ศุภรินทร์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ฝ่ายบุคคลธนกิจ ธนาคารซิตี้แบงก์ ประเทศไทย กล่าวว่า ภาพรวมของเศรษฐกิจและตลาดหุ้นทั่วโลกครึ่งปีหลังมีแนวโน้มดีขึ้นจากหลายปัจจัย อาทิ การเติบโตของกำไรต่อหุ้นทั่วโลก การปฏิรูปภาษีในสหรัฐอเมริกา การประเมินมูลค่าราคาของตลาดเกิดใหม่ที่ถูกกว่าตลาดอื่นๆ และผลประกอบการที่แข็งแกร่งของตลาดเกิดใหม่  ในด้านของธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) อาจมีการปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยในระยะเวลาที่เหลือของปี 2561 และยังคาดการณ์ว่าอัตราแลกเปลี่ยนในค่าเงินดอลล่าร์สหรัฐฯ จะแข็งค่าขึ้นในระยะสั้น แต่จะอ่อนค่าลงต่อไปในระยะกลางถึงระยะยาว เนื่องจากการขาดดุลที่เพิ่มขึ้นและความตึงเครียดทางการค้า ระหว่างสหรัฐฯ กับจีน และประเทศคู่ค้าอื่นๆ ส่วนจีนและโซนยุโรป กลับมองว่าค่าเงินยูโรจะแข็งค่าขึ้นในระยะปานกลาง เนื่องจากเศรษฐกิจมีการเติบโตขึ้นและมีการไหลเข้าของเงินลงทุน และมีมุมมองบวกกับค่าเงินบาทไทย และค่าเงินวอนเกาหลี อย่างไรก็ตาม “ซิตี้” ยังคงเชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจโลกปี 2561 จะยังคงมีการขยายตัว 3.4% ซึ่งสูงสุดในรอบ 8 ปี และคาดว่าว่าอัตราเงินเฟ้อทั่วโลกจะคงที่ ที่ 2.4% โดยนักวิเคราะห์ซิตี้ ยังแนะนำให้กระจายการลงทุนไปในสินทรัพย์หลายภูมิภาค เน้นตลาดเกิดใหม่อย่างยุโรปและญี่ปุ่น โดยกลุ่มหุ้นวัฏจักรที่มีมุมมองบวก ได้แก่ กลุ่มพลังงาน การเงิน และเทคโนโลยี นอกจากนี้ยังแนะนำการลงทุนในสินทรัพย์ทางเลือก (Alternative investment) และกองทุนรวมผสม (Multi-Asset) เพื่อกระจายความเสี่ยงของพอร์ตโฟลิโอ โดยคาดการณ์เศรษฐกิจไทยจะขยายตัว 4.2% ในปี 2561 และ ปี 2562 ซึ่งมีปัจจัยสนับสนุนหลัก ได้แก่ การลงทุนและการบริโภคภายในประเทศที่เพิ่มมากขึ้น ธุรกิจส่งออกที่มีการเติบโตสูงกว่าที่คาดการณ์ ถึงอย่างไรก็ตาม ซิตี้ยังคงมองถึงปัจจัยเสี่ยงที่อาจมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทย อาทิ การชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกจากความกังวลทางการค้าและกฎหมายการใช้จ่ายของภาครัฐที่เข้มงวดขึ้น ด้านระดับอัตราเงินเฟ้อในปี 2561 มองว่าโดยเฉลี่ยจะอยู่ที่ 1.4% และจะปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็น 1.8% ในปี 2562  ด้านค่าเงินบาทไทยยังคงมีแนวโน้มที่จะแข็งค่าขึ้นในปี 2561นี้