ก.อุตฯ คุมเข้มนำเข้าเครื่องใช้ไฟฟ้ามือสอง ผิดเงื่อนไขส่งกลับทันที!


กระทรวงอุตสาหกรรม โดยกรมโรงงานอุตสาหกรรม ออก 2 มาตรการควบคุมการนำผ่าน และนำเข้า สินค้าอุปกรณ์ เครื่องใช้ไฟฟ้ามือสอง (Used Electrical/ Electronic Equipment for Refurbishment and Direct Reuse : Used – E) ซึ่งล่าสุด ได้อนุญาตให้ผู้ประกอบการที่ปฏิบัติถูกต้องตามกฎหมายสามารถนำผ่านและนำเข้าอุปกรณ์ดังกล่าวได้  ขณะเดียวกันได้เพิ่มความเข้มงวดการใช้รถขนส่งเฉพาะที่ติดตั้งระบบบันทึกข้อมูลการเดินทางของรถ (GPS) รวมถึงการติดตามตู้สินค้าตลอดเส้นทางด้วยระบบติดตามทางศุลกากร  ซึ่งจะมีประสิทธิภาพการตรวจสอบควบคุมสินค้าผ่านแดนตั้งแต่การขนส่งถึงด่านศุลกากร รวมถึงอนุญาตให้โรงงานนำมาใช้เป็นวัตถุดิบในโรงงานเท่านั้น ไม่มีสิทธิถ่ายโอนให้กับโรงงานอื่น

 

นายพสุ โลหารชุน ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า จากการประชุมคณะกรรมการบริหารจัดการแก้ไขปัญหากากอุตสาหกรรม ได้มีมติเห็นชอบอนุญาตให้กับผู้ประกอบการที่ปฏิบัติถูกต้องตามกฎหมายในกรณีการนำผ่านสินค้าอุปกรณ์ เครื่องใช้ไฟฟ้ามือสอง และการนำเข้าอุปกรณ์ดังกล่าวเพื่อนำมาเป็นวัตถุดิบในโรงงานและใช้งานตามวัตถุประสงค์เท่านั้น โดยให้คำนึงถึงผลกระทบและความสำคัญต่อสุขภาพอนามัยของประชาชนสิ่งแวดล้อมและชุมชนโดยรอบอย่างเคร่งครัด

 

ด้านนายมงคล พฤกษ์วัฒนา อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม กล่าวเพิ่มเติมว่า ได้บูรณาการการปฎิบัติงานร่วมกับ  กรมศุลกากร  กำหนดมาตรการ หลักเกณฑ์การปฏิบัติ เข้มงวดรัดกุม ตลอดเส้นทาง ทั้งกรณี “นำผ่าน” และ “นำเข้า”  เช่น ต้องมีการขอใบอนุญาตนำผ่านสินค้าอุปกรณ์ เครื่องใช้ไฟฟ้ามือสอง ตาม พ.ร.บ.วัตถุอันตราย พ.ศ. 2535 โดยผู้ประกอบการต้องแจ้งรายละเอียดสรุปการดำเนินการภายใน 15 วันหลังจากส่งสินค้าออกนอกราชอาณาจักรแล้ว รวมถึงมาตรการนำเข้าสินค้า ที่ผู้ประกอบการจะต้องนำสินค้า Used-E ที่ได้ขออนุญาต มาใช้เป็นวัตถุดิบในโรงงานเท่านั้น ไม่มีสิทธิถ่ายโอนให้กับโรงงานอื่น

ซึ่งกรมโรงงานอุตสาหกรรมจะกำหนดมาตรฐานอุปกรณ์และเครื่องใช้ไฟฟ้ามือสอง เช่น การกำหนดคุณสมบัติ และอายุการใช้งาน  และจะนำเสนอมาตรการควบคุมร่วมกับกรมศุลกากรร่วมกันตรวจสินค้าทุกตู้ 100 % เพื่อเป็นการเข้มงวดและยืนยันสินค้าให้ถูกต้องตามที่ได้แจ้งขออนุญาตมา

 

ทั้งนี้ หากไม่ได้เป็นไปตามที่แจ้ง สินค้าดังกล่าวจะถูกผลักดันกลับประเทศต้นทางทันที พร้อมขนส่งโดยรถที่ติดตั้งระบบบันทึกข้อมูลการเดินทางของรถ (GPS) และควบคุมการขนส่งตั้งแต่ท่าเรือไปจนถึงผู้ขออนุญาตนำเข้าโดยตรวจสอบร่วมกับสำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดและการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย