6 จังหวัด เตรียมพร้อมแผนรับมือฝุ่นระดับ 3


พลเอกอนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานการประชุมหารือเพื่อติดตามการแก้ไขปัญหาสถานการณ์ฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอน (PM 2.5) ผ่านระบบวีดิโอ คอนเฟอเรนซ์ ร่วมกับผู้ว่าราชการจังหวัดนนทบุรี ปทุมธานี สมุทรปราการ สมุทรสาคร สมุทรสงคราม และนครปฐม

โดยกล่าวว่า ขณะนี้ปัญหาค่าฝุ่นละออง เริ่มมีผลกระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนในพื้นที่กรุงเทพฯ และจังหวัดปริมณฑลทั้ง 6 จังหวัด โดยเฉพาะอย่างยิ่งการป้องกันและแก้ไขปัญหาจากแหล่งกำเนิด ส่วนกรณีประสบปัญหาวิกฤติสถานการณ์มลพิษทางอากาศ ให้จังหวัดพิจารณาดำเนินการออกมาตรการทางกฎหมายเพื่อควบคุมสถานการณ์ได้ทันที
ด้านนายชยพล ธิติศักดิ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย รายงานขั้นตอนการปฏิบัติการเพื่อแก้ไขปัญหาฝุ่นละออง PM2.5 แบ่งเป็น 4 ระดับตามความรุนแรงของสถานการณ์

ระดับที่ 1 หากมีค่าฝุ่นน้อยกว่า 50 มคก./ลบ.ม. ทุกหน่วยราชการจะต้องดำเนินการตามอำนาจหน้าที่และกฎหมายที่มีอยู่ในสภาวะปกติ เพื่อให้กรุงเทพมหานครและจังหวัดปริมณฑลสะอาดและมีสิ่งแวดล้อมที่ดี

ระดับที่ 2 ค่าฝุ่นระหว่าง 50 – 75 มคก./ลบ.ม. หน่วยงานทุกหน่วยจะต้องมีมาตรการต่างๆ ให้เข้มข้นขึ้น

ระดับที่ 3 ค่าฝุ่นระหว่าง 75 – 100 มคก./ลบ.ม. ให้ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และจังหวัดปริมณฑล ประกาศเป็นพื้นที่ควบคุมเหตุรำคาญ ยุติกิจกรรมที่ก่อให้เกิดมลพิษได้ทันที เพื่อให้สภาพอากาศกลับมาได้เหมือนเดิม

ระดับที่ 4 ค่าฝุ่น เกิน 100 มคก./ลบ.ม. ให้มีการประชุมคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติเป็นกรณีเร่งด่วนพิเศษ และพิจารณาเฉพาะวาระเดียวเพื่อพิจารณาแนวทางแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก โดยให้นายกรัฐมนตรีพิจารณาสั่งการอย่างใดอย่างหนึ่ง

ทางด้าน นายสมชาย หาญหิรัญ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า กกระทรวงฯได้เร่งแก้ไข ปัญหาฝุ่นขนาดเล็กไม่เกิน 2.5 ไมครอน(PM 2.5) ที่กระทบต่อสุขภาพประชาชน โดยทางกรมโรงงานอุตสาหกรรม(กรอ.)ได้ตรวจสอบโรงงานที่มีความเสี่ยงไปแล้ว 350 แห่งจากที่อยุ่ในความรับผิดชอบทั้งสิ้น 1,700 แห่ง(กทม.และปริมณฑล) โดยล่าสุดจากการตรวจสอบได้สั่งการให้ 9 โรงงานดำเนินการแก้ไขและปรับปรุงให้เสร็จภายใน 15 วันแต่ไม่เกิน 30 วันเร่งด่วนซึ่งเป็นมลพิษด้านเสียงและน้ำที่เกินเกณฑ์มาตรฐานที่กำหนด

ทั้งนี้ จากการตรวจสอบ โรงงานขนาดใหญ่พบว่าส่วนใหญ่ไม่ได้เป็นปัญหาPM 2.5 แต่เป็นPM 10 ซึ่งทางกรมฯเห็นว่าจะอย่างไรก็มีผลกระทบต่อสุขภาพอยู่ดี จึงสั่งตรวจสอบและเบื้องต้นก็พบว่า ส่วนใหญ่ไม่ได้มีปัญหาเรื่องฝุ่นแต่เป็นเรื่องอื่นมากกว่า โดยขอให้ทางอุตสาหกรรมจังหวัดทำงานบูรณาการกับผู้ว่าราชการจังหวัดแต่ละจังหวัด เพื่อออกตรวจโรงงานร่วมกัน