กกพ. ห่วงใยค่าครองชีพประชาชนจากราคาพลังงาน มีมติคงค่าไฟฟ้าต่ออีก 4 เดือน


วันที่ 7 มี.ค. 2562 น.ส.นฤภัทร อมรโฆษิต เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (สำนักงาน กกพ.) ในฐานะโฆษก กกพ. เปิดเผยว่า คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) มีมติให้คงค่าเอฟทีสำหรับการเรียกเก็บเดือนพฤษภาคม – สิงหาคม 2562 จำนวน 11.60 สตางค์ต่อหน่วย ส่งผลให้ค่าไฟฟ้าเฉลี่ยอยู่ที่ 3.6396 บาทต่อหน่วย ไม่เปลี่ยนแปลงจากงวดก่อน เพื่อบรรเทาค่าครองชีพประชาชน

“กกพ.ชุดปัจจุบัน มีนโยบายเน้นการบริหารจัดการค่าเอฟทีให้ได้มากที่สุด ในช่วงสภาวะเศรษฐกิจที่มีความผันผวนจากอัตราแลกเปลี่ยนและราคาน้ำมัน เพื่อลดผลกระทบต่อประชาชนให้น้อยที่สุด โดยผลจากการกำกับประสิทธิภาพการดำเนินงานของการไฟฟ้าในปี 2561 จึงทำให้มีเงินบริหารเอฟที จำนวน 4,576 ล้านบาท เพื่อมาใช้ในการบริหารจัดการ เพื่อคงค่าเอฟที บรรเทาค่าครองชีพให้กับประชาชน”

ส่วนสมมติฐานที่ใช้ในการประมาณการค่าเอฟที ในช่วงเดือน พ.ค. – ส.ค. 62 ดังนี้ อัตราแลกเปลี่ยนคาดว่าเท่ากับ31.00 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ หรือแข็งค่ากว่าช่วง ม.ค. – เม.ย. 62 ซึ่งมีค่าเฉลี่ย 4 เดือนอยู่ที่ระดับ 32.60 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ , ความต้องการพลังงานไฟฟ้าในช่วงเดือน พ.ค. – ส.ค. 62 เท่ากับ 67,090 ล้านหน่วย ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงเดือน ม.ค. – เม.ย. 62 เท่ากับ 4,615 ล้านหน่วย คิดเป็น 7.39%

ทั้งนี้ สัดส่วนการใช้เชื้อเพลิงการผลิตไฟฟ้าในช่วงเดือน พ.ค.– ส.ค. 62 ยังคงใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิงหลัก 55.36% รองลงมาเป็นรับซื้อไฟฟ้าจากลาว 17.58% ลิกไนต์ และถ่านหินนำเข้า อยู่ที่ 8.74% 4. แนวโน้มราคาเชื้อเพลิงที่ใช้ในการผลิตไฟฟ้า คาดว่าราคาก๊าซธรรมชาติเท่ากับ272.71 บาทต่อล้านบีทียู ปรับตัวลดลงจากงวดที่ผ่านมา 10.95 บาทต่อล้านบีทียู ราคาลิกไนต์ กฟผ. อยู่ที่ 693 บาทต่อตัน ไม่เปลี่ยนแปลงราคาถ่านหินนำเข้าเฉลี่ยของโรงไฟฟ้าเอกชนอยู่ที่ 2,643.13 บาทต่อตัน ปรับเพิ่มขึ้นจากระดับ 2,594.01 บาทต่อตันเท่ากับ 49.12 บาทต่อตันราคาน้ำมันดีเซลอยู่ที่ 25.79 บาทต่อลิตร เพิ่มจากงวดที่ผ่านมา0.96 บาทต่อลิตร ราคาน้ำมันเตาอยู่ที่ 18.85 บาทต่อลิตร เพิ่มขึ้นจากงวดที่ผ่านมา 3.09 บาทต่อลิตรและราคาน้ำมันปาล์มดิบอยู่ที่ 9.54 บาทต่อกิโลกรัม ไม่เปลี่ยนแปลง