กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ระบุข่าว “ไมโครเวฟอันตรายร้ายแรงกว่าระเบิดปรมาณู” ไม่เป็นความจริง ชี้ เตาไมโครเวฟเครื่องหมาย มอก.จากสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมมีความปลอดภัยสูง
นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กล่าวว่า จากกรณีที่มีการแชร์ข้อมูลทางสังคมออนไลน์ว่า รัฐบาลญี่ปุ่นตัดสินใจเลิกใช้เตาไมโครเวฟก่อนสิ้นปีนี้ ประชาชนทุกหน่วยงานที่ไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนดจะต้องถูกปรับและอาจติดคุก
โดยเหตุผลที่ห้ามเตาไมโครเวฟในดินแดนอาทิตย์อุทัยเป็นงานวิจัยโดยนักวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัยฮิโรชิมา พวกเขาค้นพบคลื่นที่ก่อให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพของประชาชนมากกว่า 20 ปี โดยเฉพาะอย่างยิ่งเตาไมโครเวฟ ซึ่งอันตรายร้ายแรงกว่าระเบิดปรมาณู ที่ ฮิโรชิมา และนางาซากิ ในปี ค.ศ. 1945
ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่าอาหารที่อุ่นในเตาไมโครเวฟนั้นมีการสั่นสะเทือนและการแผ่รังสีที่ส่งผลร้ายต่อสุขภาพ โดยในปี ค.ศ. 2021 การผลิตเตาไมโครเวฟจะหยุดลง ส่วนเกาหลีใต้และจีนวางแผนจะโละทิ้งในปี ค.ศ. 2023”
ทั้งนี้ ข้อความในสังคมออนไลน์ดังกล่าวนั้นเป็นข่าวปลอมที่ก่อให้เกิดความสับสน ดังนั้น กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ โดยสำนักรังสีและเครื่องมือแพทย์ ขอให้ข้อเท็จจริงดังนี้
หลักการทำงานของเตาไมโครเวฟเป็นการใช้คลื่นไมโครเวฟผ่านเข้าไปในอาหาร ซึ่งจะทำให้เกิดการสั่นของโมเลกุลของน้ำในอาหาร เมื่อโมเลกุลของน้ำสั่นจะเกิดความร้อนขึ้น จนทำให้อาหารสุก จะเห็นว่ากลไกการทำงานไม่มีรังสี เกิดขึ้นเลย จึงไม่มีการตกค้างของรังสีใดๆ ทั้งสิ้น ดังนั้นเรื่องราวในสื่อออนไลน์นี้จึงไม่มีเหตุผลทางวิทยาศาสตร์รองรับ อันตรายที่กล่าวอ้างไม่เป็นความจริง เมื่อท่านใช้เตาไมโครเวฟอุ่นอาหารเสร็จ ควรเปิดประตูเครื่อง คลื่นไมโครเวฟก็หมดไปไม่มีการตกค้าง
นพ.โอภาส กล่าวต่ออีกว่า โดยปกติเตาไมโครเวฟที่ได้มาตรฐานมีเครื่องหมาย มอก.จากสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมจะมีความปลอดภัยสูง คลื่นไมโครเวฟที่ออกมาจากเตาไมโครเวฟนั้นเป็นคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าชนิดที่ไม่ก่อให้เกิดการแตกตัว ไม่ทำให้โมเลกุลของสารเปลี่ยน และไม่มีการตกค้างจึงไม่มีอันตราย
อีกทั้งมีโอกาสน้อยมากที่เตาไมโครเวฟจะมีคลื่นรั่วออกมาเกินจากระดับมาตรฐาน มอก.1773-2542 กำหนด (ที่ระยะ 5 เซนติเมตรจากผิวเตารั่วได้ไม่เกิน 5 มิลลิวัตต์ต่อตารางเซนติเมตร) ทั้งนี้อันตรายที่เกิดขึ้นได้นั้น มักจะเกิดจากเตาไมโครเวฟที่มีความเก่ามากๆ เป็นสนิมผุ วัสดุเคลือบลอก บานพับประตูชำรุด หรือกระจกแตก ซึ่งอาจมีคลื่นไมโครเวฟรั่วออกมา
หากมีความเข้มข้นพอจะก่อให้เกิดอันตรายต่อผิวได้ และบางคนที่ชอบเอาหน้าไปใกล้ๆ เตาไมโครเวฟเพื่อดูอาหารก็จะทำให้เกิดอันตรายได้ เพื่อความปลอดภัยจึงไม่ควรเข้าใกล้เตาไมโครเวฟขณะเครื่องกำลังทำงาน

“เนื่องจากคลื่นไมโครเวฟไม่สามารถมองเห็นได้และไม่มีกลิ่น ต้องใช้เครื่องมือตรวจวัด สำหรับประชาชนที่สนใจจะตรวจสอบการรั่วของเตาไมโครเวฟ สามารถนำเตาไมโครเวฟมาตรวจได้ที่ สำนักรังสีและเครื่องมือแพทย์ กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ หรือที่ศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ในเขตต่างๆ ทั่วประเทศ ในเวลาราชการ สำหรับเตาไมโครเวฟที่ผ่านการตรวจรับรองความปลอดภัยจากกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์แล้วจะได้รับสติ๊กเกอร์ ติดที่เตาไมโครเวฟเพื่อเป็นสัญลักษณ์แสดงความปลอดภัย” นายแพทย์โอภาส กล่าว