สมาคมกุ้งไทย คาด! ปี 64 ผลผลิต-ส่งออกกุ้งไทยเติบโตได้ 15%


ปีหน้าผงาด สมาคมกุ้งไทยเผย โควิด-19 กระทบกุ้งโลกผลผลิตลดลง หวังปีหน้าแนวโน้มกุ้งไทยแจ่มใส ผลิตกุ้งเพิ่มร้อยละ 15 เร่งประชาสัมพันธ์เชิงรุก เจรจา FTA ให้เกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้งรายย่อยเข้าถึงแหล่งทุน

เมื่อเร็วๆ นี้ ดร.สมศักดิ์ ปณีตัธยาศัย นายกสมาคมกุ้งไทย นำทีมคณะกรรมการบริหารสมาคมฯ เปิดเผยถึงสถานการณ์กุ้งของไทย ปี 2563 ว่า ผลผลิตกุ้งเลี้ยงปี 2563 โดยรวมอยู่ที่ 270,000 ตัน ลดลงเมื่อเทียบกับผลผลิตกุ้งเลี้ยงปี 2562 ที่อยู่ที่ประมาณ 290,000 ตัน ซึ่งเป็นผลมาจากปัญหาเรื่องโรคระบาด ความไม่มั่นใจเรื่องสถานการณ์โควิด-19 ที่ส่งผลกระทบต่อตลาด และสถานการณ์ราคา คาดปี 2564 ผลิตได้ 310,000 ตัน หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 15

นายกสมาคมกุ้งไทย กล่าวว่าในปี 2564 ปริมาณผลผลิตและส่งออกกุ้งของไทยจะพลิกฟื้นขึ้นมาเติบโตได้ 15 % ตามปริมาณผลผลิตที่เพิ่มขึ้นที่คาดว่าจะอยู่ที่ 3.1 แสนตัน หรือเพิ่มขึ้น 15 % จากผลผลิตกุ้งไทย ปี 2563 นี้ คาดว่าจะผลิตได้รวม 270,000 ตัน ลดลงกว่าปีที่แล้วร้อยละ 7 (โดยเป็นผลผลิตกุ้งจากภาคใต้ตอนล่าง ร้อยละ 36 จากภาคใต้ตอนบน ร้อยละ 32 จากภาคตะวันออก ร้อยละ 21 และจากภาคกลาง ร้อยละ 11 ) ปัญหาที่พบคือโรคระบาด และความไม่แน่ใจในสถานการณ์โควิด -19 ส่วนผลผลิตกุ้งทั่วโลกคาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 3.3 ล้านตัน ลดลงร้อยละ 3 เนื่องจากประเทศผู้ผลิตกุ้งหลัก ๆ มีผลผลิตกุ้งลดลง แทบทุกประเทศ ยกเว้นเอกวาดอร์ที่มีผลผลิตเพิ่มมากขึ้น

ส่วนการส่งออกกุ้งเดือน ม.ค. – ต.ค.ที่ผ่านมา มีปริมาณ 123,297 ตัน มูลค่า 35,872 ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2562 ที่ส่งออกปริมาณ 135,249 ตัน มูลค่า 40,185 ล้านบาท ลดลงทั้งปริมาณ และมูลค่า ที่ร้อยละ 9 และ ร้อยละ 11 ตามลำดับ

สำหรับแนวโน้มราคากุ้งในปี 2564 น่าจะเพิ่มสูงขึ้น ตามความต้องการเพิ่มขึ้น แต่ยังมีปัจจัยจากสถานการณ์โควิด-19 ที่กระทบต่อการขนส่ง และการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ

ขณะเดียวกัน ปัจจัยสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อการแข่งขันคือ อัตราแลกเปลี่ยน โดยขณะที่เงินบาทแข็งค่า 11% แต่เงินรูปีของอินเดียอ่อนค่า -14% เงินด่องเวียดนามอ่อนค่า -2% และเงินรูเปียของอินโดนีเซียอ่อนค่า -4% ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญที่กระทบต่อการส่งออกสินค้าอื่น ๆ ด้วย

นอกจากนี้ยังมีปัจจัยอื่นที่อยากให้รัฐบาลเข้ามาช่วยเหลือ ได้แก่ การลงทุนด้านการวิจัยและพัฒนา, การเดินหน้าเจรจาข้อตกลงเอฟทีเอกับสหภาพยุโรป (อียู) , การควบคุมคุณภาพสินค้า เช่น ปลอดเชื้อโควิด-19, การจัดหาแหล่งเงินทุน เป็นต้น

 

 

นายปกครอง เกิดสุข อุปนายกสมาคมกุ้งไทย และที่ปรึกษาชมรมผู้เลี้ยงกุ้งจังหวัดกระบี่ กล่าวถึงสถานการณ์การเลี้ยงกุ้งภาคใต้ตอนล่างว่า ผลผลิตปี 2563 คาดการณ์ว่ามีผลผลิตประมาณ 98,000 ตัน ลดลงจากปีที่ผ่านมาประมาณร้อยละ 3 จากการระบาดของโรคตัวแดงดวงขาวในจังหวัดนครศรีธรรมราชและสงขลาเมื่อช่วงต้นปี และปัญหาอาการขี้ขาวโดยเฉพาะในพื้นที่ฝั่งอันดามัน

จากปัญหาโรคระบาดดังกล่าวทำให้เกษตรกรหลายรายมีการปรับรูปแบบการเลี้ยง เช่น การปรับเป็นบ่อขนาดเล็ก การใช้พีอีปูพื้นบ่อ และปล่อยความหนาแน่นบางลง เพื่อลดความเสี่ยงเรื่องโรคระบาด และในปี 2564 คาดว่าจะมีผลผลิตเพิ่มขึ้นจากปี 2563 นี้ 5%

นายสมชาย ฤกษ์โภคี นายกสมาคมกุ้งทะเลไทย และเลขาธิการสมาคมกุ้งไทย กล่าวว่า ผลผลิตกุ้งปี 2563 ในพื้นที่ภาคใต้ตอนบนประมาณ 85,000 ตัน ลดลงจากปีที่ผ่านมาเล็กน้อย แต่ขนาดกุ้งเฉลี่ยใหญ่ขึ้น อย่างไรก็ตามเนื่องจากปัญหาขี้ขาวในช่วงครึ่งปีหลัง รวมถึง EMS และไวรัสตัวแดงดวงขาว ทำให้ผลผลิตไม่เป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้ อย่างไรก็ตามอุตสาหกรรมกุ้งไทยนับว่าได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิดน้อยกว่าอาชีพอื่น

และจากการดำเนินการแก้ปัญหาของรัฐบาลที่ประสบความสำเร็จอย่างดียิ่งจนเป็นที่ยอมรับในระดับโลก รวมถึงทั้งภาคผู้เลี้ยงและโรงงานแปรรูปใส่ใจเรื่องสุขอนามัยของคนงาน ซึ่งเป็นจุดเด่นที่ทำให้สินค้ากุ้งไทยเป็นที่ไว้เนื้อเชื่อใจของผู้บริโภค

นางสาวพัชรินทร์ จินดาพรรณ นายกสมาคมกุ้งตะวันออกไทย และกรรมการบริหารสมาคมกุ้งไทย กล่าวว่า ผลผลิตกุ้งปี 2563 ในพื้นที่ภาคตะวันออกประมาณ 57,000 ตัน ลดลงจากปีที่ผ่านมาร้อยละ 17 ต้นปี จ.ฉะเชิงเทราประสบปัญหาภัยแล้ง ลูกกุ้งไม่พอช่วงโควิด -19 นอกจากนี้ จ.ระยอง จันทบุรี และตราด ประสบปัญหาการเลี้ยงจากอาการขี้ขาวรุนแรง และโรคตัวแดงดวงขาวพบอยู่ทั่วไป ส่วนผลผลิตภาคกลาง ประมาณ 30,000 ตัน ลดลงร้อยละ 6 เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา มาจากปัญหาอาการขี้ขาว และพบโรคหัวเหลืองมากในช่วงต้นปี และฤดูหนาว

นายบรรจง นิสภวาณิชย์ อุปนายกสมาคมกุ้งไทย ประธานสมาพันธ์การเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำไทย และผู้ทรงคุณวุฒิ-ด้านการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ คณะกรรมการนโยบายประมงแห่งชาติ กล่าวว่า “การเลี้ยงกุ้งของไทยในปีนี้ เกษตรกรทุกพื้นที่ยังคงเผชิญหน้ากับปัญหาโรคระบาด ทั้งอาการขี้ขาว ตัวแดงดวงขาว และโรคตายด่วน ซึ่งส่งผลต่อประสิทธิภาพการเลี้ยงและเป็นต้นทุนแฝงกับเกษตรกร ทุกวันนี้อุตสาหกรรมกุ้งเปลี่ยนไปมากจากเดิมที่ไทยเป็นอันดับต้นๆ ในด้านการผลิตกุ้ง เพราะเรามีปัจจัยที่เหมาะสมไม่ว่าจะเป็นสภาพอากาศ เรื่องพันธุ์กุ้ง อาหาร และผู้แปรรูปส่งออกที่มีฝีมือ

แต่ปัจจุบันสถานการณ์กุ้งเปลี่ยนไปมาก เราตกไปอยู่อันดับ 6 หรือ 7 ซึ่งเกิดจากการไม่มีการวางแผนในการนำสินค้ากุ้งไปสร้างตลาดในต่างประเทศอย่างจริงจัง เราต้องหันมาร่วมมือเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันทั้งเกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้ง บริษัทอาหาร ปัจจัยการผลิต ผู้ส่งออก และภาครัฐ นำคำว่ากุ้งไทยกลับมาสู้กับตลาดโลก เพื่อเป็นผู้ผลิตอันดับต้น ๆ ของโลกอีกครั้ง”

“ประเทศไทยและอุตสาหกรรมกุ้งไทยมีความได้เปรียบ ในเรื่องภาพลักษณ์เรื่องคุณภาพ ความปลอดภัยอาหาร และปัจจัยสนับสนุนต่างๆ ทั้งเป็นแหล่งผลิตลูกพันธุ์กุ้งที่มีคุณภาพดีที่สุดในโลก อาหารกุ้งที่มีประสิทธิภาพ และการที่ไทยสามารถบริหารจัดการเรื่องโรคโควิด-19 ในการควบคุมและจัดการโรคที่มีประสิทธิภาพของรัฐบาล ส่งผลให้ประเทศไทยได้เปรียบกว่าประเทศคู่แข่ง แต่เกษตรกรต้องผลิตกุ้ง และต้องลดความเสียหายจากโรคให้ได้

โดยภาครัฐโดยเฉพาะกรมประมงจะต้องดำเนินการศึกษาวิจัยและหาแนวทางในการแก้ปัญหาโรคระบาด โดยเฉพาะอาการขี้ขาว ซึ่งเป็นต้นทุนแฝงให้กับเกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้ง ภาครัฐจะต้องสนับสนุนส่งเสริมทั้งในด้านการผลิตและการตลาด การประชาสัมพันธ์เชิงรุก โดยใช้จุดเด่นที่มี คือ กุ้งคุณภาพ ระบบการผลิตที่เป็นมิตรสิ่งแวดล้อม และตรวจสอบย้อนกลับได้ทั้งระบบ โดยไม่ต้องแข่งขันด้านราคากับประเทศผู้ผลิตที่มีต้นทุนถูกกว่า การเจรจากับตลาดคู่ค้าเพื่อเปิดตลาดใหม่ ๆ

รวมถึงการเจรจา FTA โดยเฉพาะกับสหภาพยุโรป และสหราชอาณาจักร การให้โอกาสเกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้งรายย่อยเข้าถึงแหล่งทุน การเสริมสภาพคล่อง การเพิ่มความสามารถในการแข่งขันให้กับภาคการผลิต ภาคการส่งออก และทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง เชื่อว่าหากไทยใช้ศักยภาพเหล่านี้เต็มที่ โดยความร่วมมือของทุกภาคส่วน หลังสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลาย จะเป็นโอกาสสำหรับกุ้งไทยที่จะกลับมาเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมกุ้งได้อีกครั้งอย่างแน่นอน” ดร.สมศักดิ์ กล่าวทิ้งท้าย