ส่องตลาด Functional Drinks รับเทรนด์นอน-แอลกอฮอล์ (Non-Alcohol) ศึกช่วงชิงความได้เปรียบในกลุ่มเครื่องดื่มวิตามินซี 200%


สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 เป็นปฏิกิริยาเร่งชั้นดีในการกระตุ้นให้ผู้บริโภคหันมาใส่ใจอย่างจริงจังกับการเลือกบริโภคเครื่องดื่มที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ ซึ่งเป็นโอกาสครั้งสำคัญของกลุ่มเครื่องดื่มโดยเฉพาะตลาดที่ถึงจุด “อิ่มตัว” อย่างเครื่องดื่มชูกำลังซึ่งที่ผ่านมาทุกแบรนด์ต่างให้ความสำคัญกับการขยายฐานเพื่อกระจายความเสี่ยงทางธุรกิจอย่างต่อเนื่อง 

และด้วยสถานการณ์โรคระบาดที่ส่งผลต่อเนื่อง ทำให้มูลค่าตลาดเครื่องดื่มมูลค่ากว่า 155,000 ล้านบาท ที่เคยสามารถเติบโตได้เหนือกว่าอุตสาหกรรมอื่นๆ ต้องร่วงลงมาจากปี 2562 ที่มีการเติบโตขึ้น 9% แต่ในช่วง 5 เดือนแรกของปี 2563 กลับติดลบ 7.3% ในทุกเซกเมนต์ ทั้งน้ำอัดลม น้ำดื่ม เครื่องดื่มชูกำลัง กาแฟพร้อมดื่ม ชาพร้อมดื่ม โซดาและเครื่องดื่มเกลือแร่

กระนั้นในช่วงประมาณกลางปี 2563 ก็กลับมีเครื่องดื่มหนึ่งเซกเมนต์ที่ได้รับความนิยมและช่วยปลุกความคึกคักของตลาดเครื่องดื่มให้กลับมาอีกครั้ง นั่นก็คือตลาดเครื่องดื่มวิตามิน โดยมีอัตราการเติบโตใน 7 เดือนแรกของปี 2563 ที่มูลค่า 954.14 ล้านบาท ซึ่งเติบโตถึง 67.2% จากช่วงเวลาเดียวกันในปี 2562 และเมื่อเจาะลึกลงไปในกลุ่มตลาดเครื่องดื่มวิตามินซีแบบช็อตพบว่ามีอัตราการเติบโตสูงสุดเกินกว่า 106% ในสิ้นปี 2563 เลยทีเดียว

อย่างไรก็ตาม ตลาด Functional Drinks ในปัจจุบันยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง และยังคงมีทิศทางสดใส จากเทรนด์ของคนรุ่นใหม่ที่หันมาใส่ใจสุขภาพมากยิ่งขึ้น เห็นได้จากในปี 2563 ที่มีมูลค่าตลาดกว่า 9,100 ล้านบาท คิดเป็นการเติบโต 9% ซึ่งตลาด Healthy Shot มีมูลค่าตลาดกว่า 6,700 ล้านบาท คิดเป็นการเติบโต 14% โดยถ้าซอยเป็นกลุ่มวิตามินซีช๊อต สามารถเติบโตสูงสุดที่มูลค่ากว่า 4,000 ล้านบาท ซึ่งเติบโตถึง 45% จากปีที่ผ่านมา

นอกจากนี้ ยังมีความเห็นของ นายธิติพร ธรรมาภิมุขกุล หัวหน้าคณะผู้บริหารกลุ่มการตลาดแบรนด์ บริษัท บุญรอด เทรดดิ้ง จำกัด ได้ให้ความเห็นเอาไว้ว่า แนวโน้มตลาดน้ำดื่มผสมวิตามินในปี 2564 จะเติบโตไม่ต่ำกว่า 50% โดยฐานตลาดจะใหญ่ขึ้นเนื่องจากมีผู้เล่นหน้าใหม่เข้ามามีส่วนแบ่งในตลาดมากขึ้น

.

ผู้เล่นในตลาดเครื่องดื่มวิตามินซี เฮลท์ตี้ ช็อต (Healthy Shot)

.

.

แบรนด์ ซี-วิต (C-vitt) นับเป็นแบรนด์แรกที่บุกเบิกตลาดวิตามิน ช็อต เครื่องดื่มที่มีปริมาณวิตามินซี 200% โดยเริ่มมาตั้งแต่ปี 2555  อยู่ในเครือบริษัท เฮ้าส์ โอสถสภา ฟู้ดส์ จำกัด ที่เกิดจากการรวมตัวกันระหว่าง บริษัท โอสถสภา จำกัด (มหาชน) หรือ OSP และบริษัท เฮ้าส์ ฟู้ดส์ คอร์ปอเรชั่น ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งจำหน่ายเครื่องดื่มวิตามินซี ในประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเป็นเครื่องดื่มวิตามินซีแบรนด์ C-1000 ที่มีปริมาณวิตามินซีถึง 1,000 มิลลิกรัม แต่เมื่อมาจำหน่ายในประเทศไทย จึงจำเป็นต้องมีการปรับตัวผลิตภัณฑ์ตามกฎหมายของประเทศไทย และเปลี่ยนชื่อเป็น C–vitt โดยมีปริมาณวิตามินซีอยู่ที่ 200%

.

.

ต่อกันที่เครื่องดื่มวิตามินซี แบรนด์วู้ดดี้ ซี+ ล็อค (Woody C+ Lock) ซึ่งเป็นแบรนด์ที่ร่วมกันพัฒนาระหว่าง เสถียร เศรษฐสิทธิ์ ประธานกรรมการและผู้ถือหุ้นรายใหญ่ ของบริษัท คาราบาว กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)และกลุ่มเพื่อนกับ วุฒิธร มิลินทจินดา หรือ“วู้ดดี้” พิธีกรรุ่นใหม่ที่ประสบความสำเร็จอย่างสูง ที่ได้จัดตั้งบริษัท เอ วู้ดดี้ ดริงค์ จำกัด โดยครั้งนี้เป็นการขยายฐานธุรกิจลักษณะส่วนตัวอีกครั้งหนึ่งของเสถียร เริ่มเปิดตัวเมื่อมีนาคม พ.ศ. 2563 ใช้เวลาราว 10 เดือนในการก้าวขึ้นมีส่วนแบ่งทางการตลาดเป็นอันดับ 2 ในตลาดเครื่องดื่ม เฮลท์ตี้ ช็อต ที่มีมูลค่ากว่า 6.7 พันล้านบาท โดยมีการคาดการณ์ ว่าจะเพิ่มส่วนแบ่งตลาดจากแบรนด์ วู้ดดี้ ซี+ ล็อค ไม่ต่ำกว่า 20% ในปีนี้ พร้อมก้าวขึ้นเบอร์ 1 เครื่องดื่มเฮลท์ตี้ ช็อต ภายในระยะเวลา 3 ปี

.

.

Hi Vitamin C โดยกลุ่มธุรกิจ TCP ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายเครื่องดื่มภายใต้แบรนด์กระทิงแดง (เรดบูล) เป็นเครื่องดื่มวิตามินซี สไตล์ญี่ปุ่น โดยที่เครื่องดื่มมีส่วนผสมของวิตามินซี 200% ผสมกับน้ำผลไม้แท้ 22% ที่การันตีความอร่อยระดับโลก (Superior Taste) จากสถาบัน The International Taste & Quality Institute (iTQi) กรุงบรัสเซลส์, ประเทศเบลเยียม และเลือกที่เจาะตลาดด้านความสวยงาม มี 3 รสชาติ ได้แก่ รสเลมอน (กลิ่นซาโตชิเลมอน) รสออเร้นจ์ (กลิ่นส้มยูซุ) และรสมิกซ์เบอร์รี่

.

.

แบรนด์ CAMU C ที่บริหารโดยอาร์เอส ผลิตเครื่องดื่มวิตามินซีสูง 200% ซึ่งเป็นน้ำเลมอน 6% จากน้ำเลมอนเข้มข้ม ผสมคามู คามู วิตามินซี และวิตามินบี 12 สูตรน้ำตาลน้อยกว่า โดย “คามู คามู” ราชันย์แห่งวิตามินซี ที่มีวิตามินซีสูงถึง 2,400-3,000 มิลลิกรัม ต่อเนื้อผลสด 100 กรัม ซึ่งมากกว่าปริมาณวิตามินซีในส้มถึง 50 เท่า และมากกว่ามะนาว 100 เท่า ซึ่งวิตามินซี มีส่วนช่วยในการทำหน้าที่ตามปกติของระบบภูมิคุ้มกัน พร้อมด้วยวิตามินบี 12 มีส่วนช่วยในการทำงานตามปกติของระบบประสาทและสมอง ตั้งเป้ารายได้ 600 ล้านบาท

.

.

วี-บูสท์ เครื่องดื่มวิตามินซี 200% ของ ไทยดริ้งค์ บริษัทกลุ่มเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ ในเครือไทยเบฟเวอเรจ ที่สร้างความแตกต่างด้วยการชูส่วนผสม “เบต้ากลูแคน” จากสหรัฐอเมริกาที่มีผลวิจัยรับรองว่ามีสารต้านอนุมูลอิสระและมีงานวิจัยทั้งในระดับนานาชาติและในประเทศไทย รับรองว่าสามารถเสริมภูมิคุ้มกันของร่างกายและยังป้องกันโรคภูมิแพ้ได้อีกด้วย โดยวี-บูสท์ มี 2 รสชาติ รสส้ม และรสเลมอน

.

.

Double C ผู้ผลิตเครื่องดื่มวิตามินซี 200% Double C จากบริษัท หนองคายเพาเวอร์ดริ๊งก์ จำกัด มีจุดเด่นที่เป็นเครื่องวิตามินซี 200% ที่มาจากผลไม้ 2 ชนิด โดยมีให้เลือก 4 สูตร แต่ละสูตรก็จะมีจุดขายด้านประโยชน์ที่แตกต่างกันออกไป แต่ Double C มีนวัตกรรมจุดเด่นที่เข้ามาช่วยชูโรงให้น่าสนใจยิ่งขึ้น เมื่อเครื่องดื่ม ดับเบิ้ล ซี ร่วมมือกับ บริษัท เฟอร์โร เพอร์ฟอร์แมนซ์ แมททีเรียลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้นำด้านการผลิตสารเคลือบผิว ประกาศเป็นผู้นำนวัตกรรมขวดใสป้องกันแสงสำหรับเครื่องดื่มวิตามินซี เจ้าเดียวในประเทศไทย นำสารเคลือบผิวมาใช้ในการผลิตขวดใส ผ่านทาง บริษัท WGI (WellGrow Glass Industry) บริษัทโรงงานผลิตขวดชั้นนำของประเทศไทย เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้าว่าเครื่องดื่มดับเบิ้ลซี จะให้วิตามินซีครบ 200% ด้วยขวดที่ป้องกันแสงแดดรังสียูวีในช่วงความยาวคลื่น ตั้งแต่ 300-400 นาโนเมตร มาทำลายวิตามินซี ซึ่งก็นับได้ว่าได้สร้างความแปลกใหม่ให้กับวงการนี้โดยผ่านเทคโนโลยีบรรจุภัณฑ์

.

.

ปิดท้ายด้วยแบรนด์ VITADAY (วิตอะเดย์) ภายใต้การบริหารโดยบริษัท เจนเนอรัล เบฟเวอร์เรจ จำกัด ที่เริ่มก่อตั้งเมื่อปี 2554 ซึ่งมีทุนจดทะเบียน 1,000 ล้านบาท มีคุณ พงศกร พงษ์ศักดิ์ เป็นหัวเรือใหญ่ ดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจนเนอรัล เบฟเวอร์เรจ จำกัด โดยแบรนด์ VITADAY (วิตอะเดย์)เป็นเครื่องดื่มวิตามินซีสูง 200% รสชาติเลมอนและรสชาติน้ำส้ม วิตามินเอ 150% รสชาติมิกซ์เบอรี่ และธาตุเหล็ก รสชาติองุ่นเคียวโฮ ยังเพิ่มทางเลือกให้ผู้บริโภคด้วยการออกผลิตภัณฑ์น้ำดื่มผสมวิตามิน หรือวิตามินวอเตอร์ ผสมวิตามินบีรวม และวิตามินซี ที่ปราศจากน้ำตาลและโซเดียม ซึ่งก็เป็นธุรกิจคู่ขนานที่กำลังเติบโตอย่างสดใสอยู่ในขณะนี้ในเซกเม้นท์น้ำดื่มผสมวิตามินซี

.

และยังคงมีอีกหลายแบรนด์ที่ออกผลิตภัณฑ์วิตามินซี ช็อต มาตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่ใส่ใจสุขภาพ ในสถานการณ์ที่ต้องระวังรักษาสุขภาพ แต่ภาวะเร่งรีบในการใช้ชีวิต ทำให้ไม่มีเวลามากนัก สินค้าในหมวดนี้นับว่าเข้าไปตอบโจทย์กลุ่มคนรักสุขภาพได้อย่างชัดเจน เพราะแค่เพียงหมุนเปิดขวดก็ได้วิตามินซี ตามที่ต้องการ ดังนั้นคาดว่าปีนี้ ตลาดวิตามินซี ช็อต น่าจะเป็นอีกสมรภูมิ ที่มีการแข่งขันกันอย่างรุนแรง ด้วยตัวเลขส่วนแบ่งทางการตลาดและอัตราการเติบโตของตลาดที่ได้กล่าวไว้ จะเป็นแรงดึงดูดให้ผู้ประกอบการหน้าใหม่มองเห็นโอกาสเข้าช่วงชิงส่วนแบ่งที่มีอยู่นี้อย่างดุเดือด

.