รู้ก่อนลงทุน !! ทำความรู้จักว่าหุ้นกู้คืออะไร !! ใครเป็นเจ้าหนี้ ใครเป็นลูกหนี้ ในการลงทุนแบบนี้


หากพูดถึงการลงทุนในช่วงนี้เราจะเห็นหลายๆธุรกิจและบริษัทมากมาย ไม่ว่าจะเป็น แสนสิริ รวมถึงบริษัทยักษ์ใหญ่ของประเทศอย่าง ซีพี ที่ได้มีการขายหุ้นกู้ออกมา ให้กับนักลงทุน แต่ก่อนที่เราจะเลือกลงทุนนั้น เราต้องรู้จักกันก่อนว่า หุ้นกู้คืออะไร และโอกาสที่ได้ผลตอบแทนเป็นอย่างไร
.
หุ้นกู้ คืออะไร
.
ตราสารทางการเงินที่แสดงถึงพันธะสัญญาการเป็นหนี้ระหว่างผู้ออกหุ้นกู้ (ผู้ขอกู้เงิน) และผู้ซื้อหุ้นกู้ (ผู้ให้กู้เงิน) หากหุ้นกู้ออกโดยรัฐบาลจะเรียกว่า พันธบัตร ถ้าออกโดยบริษัทเอกชนจะเรียกว่า หุ้นกู้
.
สถานะของผู้ลงทุนในหุ้นกู้
.
เมื่อซื้อหุ้นกู้ เราจะมีฐานะเป็น “เจ้าหนี้” ส่วนบริษัทที่ออกหุ้นกู้จะมีฐานะเป็น “ลูกหนี้” ซึ่งความเป็นเจ้าหนี้ของเราสามารถเป็นได้หลายแบบตามลักษณะของหุ้นกู้ เช่น มีประกันหรือไม่มีประกัน ระยะเวลา ดอกเบี้ย
.
จุดเด่นของหุ้นกู้คืออะไร เหมาะกับนักลงทุนแบบไหน
.
รู้ผลตอบแทนล่วงหน้า ซึ่งจะเหมาะสำหรับนักลงทุนที่ต้องการรายได้แน่นอน สม่ำเสมอ

.

การอ่านสัญลักษณ์หุ้นกู้ 

สัญลักษณ์ WMagik199A หมายถึง หุ้นกู้ของบริษัท WMagik เป็นผู้ออกหุ้นกู้ ครบกำหนดไถ่ถอนในเดือนกันยายน ค.ศ. 2019 เป็นหุ้นกู้รุ่นแรกของบริษัทที่ครบกำหนดไถ่ถอนในเดือนและปีดังกล่าว

ตัวอย่างการอ่าน WMagik199A

  • 1-6 ตำแหน่งแรก เป็นชื่อย่อของบริษัทผู้ออกหุ้นกู้
  • 2 ตำแหน่งถัดไป เป็นเลขของปี ค.ศ.
  • 1 ตำแหน่งถัดไป เป็นเดือนที่ครบกำหนดไถ่ถอน โดยเดือน ม.ค.-ก.ย.ใช้รหัส 1-9 เดือนต.ค.-ธ.ค.ใช้รหัส O (October), N (November) และ D (December)
  • 1 ตำแหน่งสุดท้าย เป็นลำดับก่อนหลังของวันที่ออกตราสารจาก A-Z

ทุกการลงทุนมีความเสี่ยง ควรศึกษารายละเอียดให้รอบคอบ 

หากจะพูดถึง “ความเสี่ยงของหุ้นกู้” ซึ่งมีโอกาสเกิดความเสี่ยงได้ หาก “ลูกหนี้ ซึ่งก็คือบริษัทผู้ปล่อยหุ้นกู้” เกิดผิดนัดชำระหนี้ขึ้นมา ก็จะทำให้ “เจ้าหนี้ ซึ่งก็คือ นักลงทุนนั่นเอง” เกิดความเสี่ยงที่จะไม่ได้รับผลประประโยชน์อย่างที่ควรจะเป็น หรือเกิดความล่าช้า ซึ่งนั่นย่อมส่งผลไม่ดีแน่ หากเงินที่ลงทุนไป เกิดสะดุดชะงักงัน

แต่ในเรื่องนี้ก็ยังมีการคาดการณ์ล่วงหน้าได้ เพราะการลงทุนในหุ้นกู้ สามารถดูความเสี่ยงได้จาก Credit Rating หรือเรียกง่ายๆ ว่าการจัดอันดับความเสี่ยงของบริษัทที่ปล่อยหุ้นกู้ โดยปกติจะมีการจัดอันดับไว้อยู่แล้ว จากสถาบันทางเงินซึ่งก็มีอยู่หลากหลายเจ้าด้วยกัน เพราะยิ่ง Credit Rating สูงเท่าไหร่ ความเสี่ยงในการผิดนัดชำระหนี้ก็จะยิ่งต่ำเท่านั้น

นักลงทุนจึงควรตรวจเช็คความเสี่ยง และพร้อมจะลุยต่อได้อย่างมั่นใจ หากเป็นการตัดสินใจที่ผ่านการพินิจมาอย่างดีแล้ว ในทุกการลงทุนย่อมมีผู้ที่ได้และผู้ที่เสีย การมีเครื่องมือที่ช่วยคาดการณ์อนาคตจะช่วยให้เรามีทิศทางที่ชัดขึ้น

– ในส่วนของการจัดอันดับความน่าเชื่อถือ หากสูง มีความเสี่ยง และผลตอบแทนต่ำ จะเรียกว่า Invesment Grade Bonds

– หากอันดับความน่าเชื่อถือต่ำ มีความเสี่ยง และผลตอบแทนสูง จะเรียกว่า High-Yield Bonds

และหากจะให้สรุปคำว่า “หุ้นกู้” ก็คือ “การขอยืมเงิน” จาก “ลูกหนี้ ซึ่งก็คือบริษัทผู้ปล่อยหุ้นกู้” โดยจะตอบแทนผลโยชน์จากการขอยืมเงินนี้ ให้แก่ “เจ้าหนี้ ซึ่งก็คือ นักลงทุนที่เข้าไปซื้อหุ้นของบริษัทนั้นๆ” ในรูปของอัตราดอกเบี้ย ตามที่ได้ตกลงกันก่อนจะทำสัญญา

.