สลิดติดบ้าน จากปลาสลิดบ้านๆ สู่สินค้าทำเงิน ด้วยการเพิ่มมูลค่า เทียบชั้นปลาพรีเมี่ยม


ในปัจจุบันยี่ห้อ หรือแบรนด์ (Brand) ได้เข้ามามีบทบาทสำคัญต่อชีวิตประจำวันของคนเราอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ไม่ว่าจะหันหรือมองไปทางไหนก็ล้วนแล้วแต่เห็นแบรนด์ที่เติบโตอย่างต่อเนื่องและความหลากหลายด้วยกันทั้งสิ้น ยิ่งในปัจจุบัน เทคโนโลยีการผลิตได้เอื้อให้สินค้าสามารถสร้างมูลค่าให้ตัวเอง จากทั้งองค์ความรู้ที่พัฒนามากกว่าอดีต หรือแม้แต่ความคิดสร้างสรรค์ ที่ทำให้สินค้ามีความน่าสนใจ โดดเด่นจากคู่แข่ง ยิ่งส่งแรงผลักให้แต่ละแบรนด์ต่างปล่อยของดีออกมา เพื่อช่วงชิงส่วนแบ่งตลาดที่มีผู้เล่นหน้าใหม่ลงมาแจมส่วนแบ่งเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

และวิธีที่จะช่วยให้สินค้าของเราโดดเด่ด สะดุดตา แค่เพียงแวบแรกที่เห็นก็คงเป็นการนำเสนอด้วย แพคเกจจิ้ง (บรรจุภัณฑ์) ที่ตอบโจทย์ สื่อถึงแบรนด์ชัด รวมไปถึงสามารถเจาะใจของกลุ่มผู้บริโภคได้ตรงเป้าหมาย ซึ่งสิ่งนี้จะเป็นปราการด่านแรก นับเป็นสิ่งสำคัญที่สุดที่จะทำให้ผลิตภัณฑ์ของคุณตราตรึงใจผู้บริโภค และเป็นการสร้างความสนใจให้กับผู้พบเห็น ด้วยหีบห่อบรรจุภัณฑ์

ในวันนี้เราเลยจะขอโอกาสพาทุกคนไปทำความรู้จักกับแบรนด์ที่สร้างมูลค่าให้กับสินค้า จนสามารถขายสิ่งที่ธรรมดาให้กลายเป็นสินค้าพรีเมี่ยม ด้วยราคาที่สูงกว่าเดิมโดยที่ผู้บริโภคก็ยังคงเชื่อมั่นในสินค้า กับแบรนด์ “สลิดติดบ้าน” ผลิตภัณฑ์ปลาสลิดบ้านๆ ที่ผ่านกรรมวิธี และแพคเกจจิ้ง เพิ่มมูลค่าให้ปลาบ้านๆ เทียบชั้นปลาพรีเมี่ยมด้วยนวัตกรรมการผลิตที่มีคุณภาพ เพื่อให้คนไทยได้กินปลาสลิดที่อร่อย สะอาด ไร้กลิ่น

.

.

.

สำหรับสินค้าแบรนด์ปลาสลิดติดบ้าน เริ่มต้นธุรกิจนี้เมื่อปลายปี 2562 จุดเริ่มต้นก็สืบเนื่องมาจากบริษัทแรกซึ่งทำธุรกิจอาหารแช่แข็งส่งขายตามซูเปอร์มาร์เก็ต ซึ่งช่วงหนึ่งผู้ก่อตั้งแบรนด์ ต้องไปบริหารงานที่สหรัฐฯ เป็นเวลา 15 ปี ทำให้รู้ว่าผลิตภัณฑ์อาหารแช่แข็ง ได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้า ยอดขายยังพุ่งต่อเนื่อง โดยเฉพาะปลาสลิด ในแถบที่คนเอเชียอาศัยอยู่ด้วยแล้ว ยิ่งมีความต้องการสูง พอกลับมาไทย จึงได้เริ่มสร้างแบรนด์ สลิดติดบ้าน ขึ้นมา

ซึ่งได้ส่งเสริมพ่อค้าแม่ค้ารายย่อย โดยการสั่งซื้อปลาสลิดจากวิสาหกิจชุมชนของ อ.บางบ่อ จ.สมุทรปราการ ซึ่งเกษตรกรส่วนใหญ่จะเพาะเลี้ยงปลาคุณภาพ ปลอดเชื้อ ไม่มีสารเคมีตกค้างที่ก่อให้เกิดมะเร็งด้วย การเลี้ยงปลาตามธรรมชาติ จากนั้นจึงนำปลาที่สั่งซื้อมาผ่านไลน์การผลิตที่โรงงาน ผ่านขั้นตอนทำความสะอาด หมักเกลือ แล้วนำมาตากแดดในโดม จนถึงขั้นตอนของการทำแพ็กเกจจิ้ง ที่เรียกได้ว่าหรูหรา ดูดี มีรสนิยม จะเอาไปเป็นของฝากหรือนำกลับไปทำอาหารรับประทานที่บ้านก็สะดวกสบาย สามารถหยิบขึ้นมาทอดหรือทำอาหารได้เลยทันที

.

.

.

.

ในส่วนของการใช้นวัตกรรมมาช่วยในการผลิตสำคัญ ซึ่งเป็นจุดเด่นอีกอย่างคือโดมตากปลา ที่สามารถรวบรวมพลังงานแสงอาทิตย์ให้มีความร้อนที่มากกว่าใช้แดดธรรมดาราวๆ 36-38 องศาฯ แม้วันไหนไม่มีแดด แต่โดมก็จะเก็บความร้อนไว้ได้สูงกว่าภายนอก 2-5 องศาฯ ทำให้น้ำมันที่ผิวปลาออกมาหมด ปลาจึงไม่มีกลิ่นเหม็นหืน 

ซึ่งกล่องแพ็กเกจจิ้ง (Packaging) หรือหีบห่อบรรจุภัณฑ์ของสลิดติดบ้านก็นับว่าทำได้สวยงาม สมราคา ทั้งยังสามารถเก็บความเย็นได้นานเวลาขนส่งหลายวันโดยไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องคุณภาพ เมื่อมีการขนส่งก็จะมีดรายไอซ์ที่ช่วยเก็บรักษาอุณหภูมิ หากไปเก็บต่อในช่องฟรีซก็จะเก็บได้นานถึง 6 เดือน แต่ถ้าเก็บในตู้เย็นช่องธรรมดาก็จะเก็บได้ 1 เดือน พร้อมทั้งมีการแวคคัมปลาแบบถุงละ 1 ตัว ซึ่งหากรับประทานไม่หมดก็ไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องฟรีซเซอร์เบิร์น ทำให้สินค้าสามารถดูแลเรื่องคุณภาพจนส่งถึงมือผู้บริโภคที่ต้องการรับประทานได้ราวกับว่าเพิ่งซื้อปลาสดมาจากตลาดเลยทีเดียว

แต่เพียงแค่รูปลักษณ์ภายนอกก็อาจจะพอช่วยได้ในระดับหนึ่ง ดังนั้นผู้ประกอบการจึงควรมีจุดเด่น เอกลักษณ์เฉพาะตัว ที่เมื่อลูกค้าเห็นแล้วสามารถจดจำแบรนด์ของเราได้ทันที แต่เหนือสิ่งอื่นใด คุณภาพ ความพิถีพิถันในทุกขั้นตอนก็ยังคงเป็นเรื่องสำคัญที่ผู้ประกอบการควรใส่ใจ และควรตั้งเป้าหมายเพื่อทำให้ผู้บริโภคได้รับในสิ่งที่เขาต้องการ อย่างซื่อตรงและบริสุทธิ์ใจ อันจะเป็นตัวช่วยให้แบรนด์เป็นที่รู้จัก รับรู้ต่อสาธารณะมากขึ้น โดยที่เราไม่ต้องออกแรงโปรโมทสินค้าด้วยเม็ดเงินที่มากเกินควร “เพราะหากของดี ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน ก็มีคนเห็นนั่นเอง”

.

.

.

.

ขอบคุณที่มาภาพและข้อมูล : ปลาสลิดติดบ้าน