การบินไทย เปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการร่วมประมูลสิทธิ์เป็นมาสเตอร์แฟรนไชส์ร้าน Puff&Pie พร้อมเผยคุณสมบัติของผู้เข้าร่วมประมูล และกำหนดการยื่นซอง


การบินไทยพลิกวิกฤติอีกครั้ง โดยในครั้งนี้ ได้เปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการที่เข้าหลักเกณฑ์และสนใจอยากร่วมเป็นพันธมิตรกับการบินไทย เข้าร่วมประมูลเพื่อรับสิทธิ์เป็นมาสเตอร์แฟรนไชส์ร้าน Puff&Pie ซึ่งมีอยู่กว่า 21 สาขา รวมถึงตัวแทนจำหน่ายอีกกว่า 17 ร้าน มีกำหนดระยะเวลาดำเนินงาน 5 ปี

โดยที่มาของการตัดสินใจขยายธุรกิจผ่านรูปแบบมาสเตอร์แฟรนไชส์ เนื่องจากมองเห็นความเป็นไปได้ของธุรกิจในหมวดอาหารและเบเกอรี่ ซึ่งเป็นจุดขายสำคัญของครัวการบินไทย ประกอบกับที่ผ่านมา มีความต้องการที่เติบโตอย่างต่อเนื่องจากผู้บริโภค

และเพื่อเป็นการขยายธุรกิจที่นอกเหนือจากธุรกิจการบิน (Non-Aviation) ที่มีอยู่แต่เดิม ด้วยการขยายสาขาร้าน Puff&Pie ผ่านโมเดลแฟรนไชส์ โดยการแสวงหามาสเตอร์แฟรนไชส์ ที่มีศักยภาพและพร้อมจะจับมือเป็นพันธมิตรร่วมดำเนินธุรกิจ ซึ่งมาสเตอร์แฟรนไชส์ จะเข้ามาเป็นผู้มีบทบาทสนับสนุนในการพัฒนาธุรกิจแฟรนไชส์ร้าน Puff&Pie ร่วมกันกับการบินไทยต่อไปในอนาคต

สำหรับคุณสมบัติของผู้มีสิทธิเสนอผลประโยชน์จะต้องเป็นนิติบุคคล ซึ่งมีรายละเอียดดังนี้

1.) เป็นนิติบุคคลที่จดทะเบียนจัดตั้งตามกฎหมายไทยก่อนวันยื่นซองไม่ต่ำกว่า 1 ปี

2.) มีทุนจดทะเบียนที่ชำระแล้วไม่ต่ำกว่า 10 ล้านบาท มาอย่างน้อยไม่ต่ำกว่า 1 ปี โดยมีสำนักงานอยู่ในประเทศไทย ทั้งนี้ต้องมีวัตถุประสงค์ประกอบการตรงกับความต้องการของบริษัทในการเข้าเสนอผลประโยชน์

3.) ต้องไม่เคยมีประวัติทิ้งงานหรือไม่เคยถูกบริษัทแจ้งบอกเลิกสัญญาเนื่องจากปฏิบัติผิดสัญญากับบริษัท

4.) ต้องไม่เป็นผู้เสนอราคาที่มีผลประโยชน์ร่วมกันกับผู้เสนอราคารายอื่น ณ วันประกาศเชิญชวนเข้าร่วมเสนอผลประโยชน์ คำว่า “ผู้เสนอผลประโยชน์มีผลประโยชน์ร่วมกัน” มีความหมายตามนิยามที่กำหนดไว้ในระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. 2560 และที่แก้ไขเพิ่มเติม

5.) ต้องไม่เป็นนิติบุคคลที่อยู่ในระหว่างถูกดำเนินคดีล้มละลาย เว้นแต่ในคดีล้มละลายนั้นศาลมีคำสั่งเห็นชอบตามคำขอประนอมหนี้ หรือเห็นชอบแผนฟื้นฟูกิจการ

6.) คุณสมบัติเฉพาะของผู้เสนอผลประโยชน์ต้องมีประสบการณ์ในการบริหารจัดการกิจการแฟรนไชส์ด้านธุรกิจอาหารหรือเครื่องดื่มจนประสบความสำเร็จโดยมีเอกสารแสดงสัญญาประสบการณ์ผลงานที่ผ่านมา มูลค่างานที่ผ่านมา เป็นต้น

7.) ต้องไม่เป็นผู้ที่เคยได้รับการพิจารณาคัดเลือกจากบริษัท แล้วไม่มารับใบสั่งจ้าง หรือไม่เข้าทำสัญญาหรือข้อตกลงกับบริษัท

8.) กรณีที่ยื่นเสนอบริการในนามกิจการร่วมค้าที่จดทะเบียนเป็นนิติบุคคลใหม่ (หมายถึง กิจการร่วมค้าที่จดทะเบียนเป็นนิติบุคคลต่อกรมพัฒนาธุรกิจการค้ากระทรวงพาณิชย์) จะต้องมีคุณสมบัติครบถ้วนตามเงื่อนไขที่ได้กำหนดไว้ในเอกสารฉบับนี้ โดยสามารถนำผลงานของผู้ร่วมค้ารายหนึ่งรายใดมาใช้เป็นผลงานของกิจการร่วมค้าได้ ทั้งนี้จะต้องมีบริษัทที่มีคุณสมบัติตามข้อ 2 ร่วมด้วยอย่างน้อย 1 ราย

9.) สำหรับกิจการร่วมค้าที่ไม่ได้จดทะเบียนเป็นนิติบุคคลใหม่ นิติบุคคลแต่ละนิติบุคคลที่เข้าร่วมค้าทุกรายต้องมีคุณสมบัติครบถ้วนตามเงื่อนไขที่ได้กำหนดไว้ในเอกสารฉบับนี้ เว้นแต่ในกรณีที่กิจการร่วมค้าได้มีข้อตกลงระหว่างผู้ร่วมค้าเป็นลายลักษณ์อักษรกำหนดให้ผู้ร่วมค้ารายใดรายหนึ่งเป็นผู้รับผิดชอบหลักในการเข้าเสนอผลประโยชน์ รวมทั้งสามารถใช้ผลงานของผู้ร่วมค้าหลักรายเดียวเป็นผลงานของกิจการร่วมที่ยื่นข้อเสนอได้ ทั้งนี้ให้แสดงหลักฐานข้อตกลงระหว่างผู้ร่วมค้าดังกล่าวมาพร้อมการยื่นเสนอบริการ

โดยมีกำหนดการตามกรอบเวลายื่นประมูลสิทธิดังต่อไปนี้

– ชี้แจงรายละเอียดในวันที่ 15 ตุลาคม 2564

– กำหนดยื่นซองเสนอผลประโยชน์พร้อมหลักประกันซอง ในวันที่ 8 พฤศจิกายน 2564

– กำหนดนำเสนอแผนงานในวันที่ 15-16 พฤศจิกายน 2564

– และกำหนดวันเปิดซองในวันที่ 18 พฤศจิกายน 2564

ผู้สนใจสามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่

https://www.thaiairways.com/th_TH/news/news_announcement/news_detail/franchise.page  และ http://www.thaicatering.com/thaicatering/th/news_events/?ELEMENT_ID=1604 หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กลุ่มงานบริหารธุรกิจแฟรนไชส์ ฝ่ายครัวการบิน โทร. 0-2592-1170 หรือ 08-1373-1416

.

ผู้สนใจติดต่อขอซื้อเอกสารและแบบสำหรับการเสนอผลประโยชน์ ในราคาชุดละ 2,000 บาท (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) โดยชำระเงินค่าเอกสารและแบบได้ที่ กลุ่มงานบัญชีการเงินและงบประมาณ ชั้น 3 ฝ่ายครัวการบิน ดอนเมือง และให้นำใบเสร็จรับเงินไปแสดงเพื่อรับเอกสารและแบบได้ที่ กลุ่มงานบริหารธุรกิจแฟรนไชส์ ชั้น 3 ฝ่ายครัวการบิน ดอนเมือง ระหว่างวันที่ 7-14 เดือนตุลาคม พ.ศ. 2564 เวลา 9.00–16.00 น.

.

.

.

.