สืบเนื่องจากกรณีที่ประชุมคณะรัฐมนตรี ได้อนุมัติโครงการประกันรายได้เพื่อช่วยเหลือเกษตรกร รวม 3 โครงการ วงเงินรวมทั้งสิ้น 27,390.09 ล้านบาท ประกอบด้วย
1.) โครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลัง ปี 2564/65 วงเงิน 6,811 ล้านบาท และมาตรการคู่ขนานโครงการประกันรายได้ฯ ปี 64/65 จำนวน 4 โครงการ รวมเงิน 291 ล้านบาท
2.) โครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ปี 2564/65 วงเงินรวม 1,863 ล้านบาท และมาตรการคู่ขนานโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ปี 2564/65 จำนวน 2 โครงการ วงเงินรวม 45 ล้านบาท
3.) โครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปี 2564/65 รอบที่ 1 และมาตรการคู่ขนานโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปี 2564/65 วงเงินรวมทั้งสิ้น 18,378 ล้านบาท ครอบคลุมเกษตรกรผู้ปลูกข้าว 4.7 ล้านครัวเรือน ปลูกมันสำปะหลัง ประมาณ 5 แสนครัวเรือน และปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ประมาณ 4.5 แสนครัวเรือน
ซึ่งรัฐบาลได้เดินหน้าโครงการประกันรายได้เกษตรกร พร้อมมาตรการคู่ขนานรักษาเสถียรภาพราคาพืชผลทางการเกษตรที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้อนุมัติเห็นชอบไปเมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 2564 รวม 3 ชนิด ซึ่งประกอบด้วย ข้าว ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ และมันสำปะหลัง วงเงินรวม 2.7 หมื่นล้านบาท ครอบคลุมเกษตรกรกว่า 5.66 ล้านครัวเรือน
ในส่วนของการประกันรายได้เกษตรกรทั้ง 3 โครงการนี้ใช้งบประมาณรวม 2.2 หมื่นล้านบาท สำหรับโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลัง ปี 2564/65 ใช้วงเงินรวม 6,811 ล้านบาท ดูแลเกษตรกรกลุ่มเป้าหมายได้ครอบคลุมกว่า 5.3 แสนครัวเรือน
.
.
รายละเอียดและเงื่อนไขจ่ายเงินช่วยเหลือชาวนา
โครงการดังกล่าว รวมวงเงินทั้งสิ้น 54,972,72 ล้านบาท โดยจ่ายเงินช่วยเหลือให้กับเกษตรกรผู้ปลูกข้าวตามรายละเอียดดังนี้
– จ่ายเงินเยียวยาให้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ไร่ละ 1,000 บาท
– จำกัดไม่เกิน 20 ไร่ต่อครัวเรือน หรือไม่เกิน 20,000 บาท
ขั้นตอน-ช่องทางเช็กเงิน
– เข้าเว็บไซต์ https://chongkho.inbaac.com/
– กรอกเลขบัตรประจำตัวประชาชน พร้อมกดค้นหา
– สำหรับผู้ที่ได้รับเงินระบบจะขึ้นข้อมูลว่า “โอนเงินเรียบร้อยแล้ว” โดยจะแสดงชื่อโครงการ, เลขที่บัญชี, วันที่โอน, สาขา ธ.ก.ส. และสถานะ
ทั้งนี้ หากผู้ที่ไม่ใช่เกษตรกรตรวจสอบระบบจะขึ้นข้อมูลว่า “ไม่พบข้อมูลการลงทะเบียน (โปรดติดต่อหน่วยงานที่รับขึ้นทะเบียนเกษตรกรตามชนิดพืชที่ได้รับสิทธิตามโครงการ)”
เงื่อนไขจ่ายเงินประกันรายได้ข้าว
นอกจากนี้ ยังมีโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวปี 2564/65 รอบที่ 1 โดยกำหนดราคาและปริมาณประกันรายได้คือ ราคาความชื้นไม่เกิน 15% ไม่เกินครัวเรือนละ 40 ไร่ ยกเว้นข้าวเจ้า ไม่เกิน 50 ไร่ โดยชดเชยเป็นจำนวนตันในแต่ละชนิดข้าวดังนี้
– ข้าวเปลือกหอมมะลิ 15,000 บาทต่อตัน ครัวเรือนละไม่เกิน 14 ตัน
– ข้าวเปลือกหอมมะลินอกพื้นที่ 14,000 บาทต่อตัน ครัวเรือนละไม่เกิน 16 ตัน
– ข้าวเจ้า 10,000 บาทต่อตัน ครัวเรือนละไม่เกิน 30 ตัน
– ข้าวเปลือกหอมปทุมธานี 11,000 บาทต่อตัน ครัวเรือนละไม่เกิน 25 ตัน
– ข้าวเปลือกเหนียว 12,000 บาทต่อตัน ครัวเรือนละไม่เกิน 16 ตัน
ทั้งนี้ ผู้ได้รับสิทธิต้องเป็นเกษตรกรที่ขึ้นทะเบียนผู้ปลูกข้าวปีการผลิต 2564/65 (รอบที่ 1) กับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่ปลูกข้าวระหว่างวันที่ 1 เมษายน–31 ตุลาคม 2564 ยกเว้นภาคใต้ ระหว่างวันที่ 16 มิถุนายน 2564-28 กุมภาพันธ์ 2565
อย่างไรก็ตาม เงินเยียวยาเกษตรกรดังกล่าวต้องรอการพิจารณาเพื่อกำหนดวันเริ่มจ่ายเงินอีกครั้งในเร็ว ๆ นี้ แต่มั่นใจว่าจะทันฤดูกาลผลิตในช่วงเดือนพฤศจิกายน-ธันวาคม 2564 นี้
รายละเอียดโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลัง ปี 2564/65
– ประกันราคาหัวมันสำปะหลังสดเชื้อแป้ง 25% ราคากิโลกรัมละ 2.50 บาท
ครัวเรือนละไม่เกิน 100 ตัน และไม่ซ้ำแปลง
– ต้องเป็นเกษตรกรที่ขึ้นทะเบียนปลูกมันสำปะหลังกับกรมส่งเสริมการเกษตร ตั้งแต่ 1 ตุลาคม 2563 – 31 มีนาคม 2565
– ใช้เงินทุนจาก ธ.ก.ส. และรัฐบาลจะชดเชยดอกเบี้ย และค่าบริหารจัดการให้กับ ธ.ก.ส.
ระยะเวลาโครงการ
– เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2564 – 31 พฤษภาคม 2566
สำหรับผลการดำเนินโครงการในปี 2563/64 ได้จ่ายเงินชดเชยส่วนต่างทั้งสิ้นรวม 9 งวด โดยโอนเงินชดเชยให้เกษตรกรแล้ว 436,817 ครัวเรือน รวม 3,057 ล้านบาทซึ่งจะสิ้นสุดการจ่ายเงินงวดสุดท้ายในเดือนพฤศจิกายนนี้
สำหรับมาตรการคู่ขนาน 4 โครงการ มีรายละเอียดดังนี้
– โครงการเพิ่มประสิทธิภาพการเพาะปลูกมันสำปะหลัง ปี 2564/65 วงเงินสินเชื่อ 690 ล้านบาท วงเงินจ่ายขาดชดเชยดอกเบี้ย 41.40 ล้านบาท
– โครงการสินเชื่อเพื่อรวบรวมมันสำปะหลังและสร้างมูลค่าเพิ่มโดยสถาบันเกษตรกร ปี 2564/65 วงเงิน 500 ล้านบาท
– โครงการชดเชยดอกเบี้ยในการเก็บสต๊อกมันสำปะหลัง ปี 2564/65 วงเงินสินเชื่อ 15,000 ล้านบาท วงเงินจ่ายขาดชดเชยดอกเบี้ย 225 ล้านบาท
– โครงการเพิ่มศักยภาพการแปรรูปมันสำปะหลัง ปี 2564/65 วงเงิน 10 ล้านบาท
อย่างไรก็ดี เนื่องจากการปลูกมันสำปะหลังจะต้องใช้เวลาประมาณ 8-12 เดือน ทำให้เกษตรกรบางส่วนที่เริ่มปลูกช้าและใช้เวลาปลูกนาน ไม่สามารถรับสิทธิโครงการได้ทัน
ดังนั้น ในที่ประชุม ครม. ครั้งล่าสุดจึงได้เห็นชอบให้สิทธิเกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลังที่ยังไม่เคยเข้าร่วมโครงการประกันรายได้ฯ ปี 2562/63 คือ กลุ่มที่แจ้งปลูกตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2562 – 31 มีนาคม 2563 จำนวน 8.41 หมื่นครัวเรือนให้ได้สิทธิเข้าร่วมโครงการประกันรายได้ฯ ปี 2563/64
โดยค่าใช้จ่ายในการชดเชยส่วนต่างกลุ่มดังกล่าวนี้ ยังคงภายใต้กรอบวงเงินโครงการเดิมตามมติ ครม.เมื่อวันที่ 18 ส.ค.2563
.