ถึงเวลาที่ต้องปิดฉากอย่างเป็นทางการ สำหรับโรงภาพยนตร์สแตนด์อะโลนแห่งสุดท้ายของกรุงเทพมหานคร เมื่อมีภาพของการรื้อถอนซากของโรงหนังสกาลาเผยแพร่ในสื่อสังคมออนไลน์ สร้างความอาลัยให้แก่ผู้คนที่เคยมีความทรงจำกับที่แห่งนี้เป็นอย่างมาก
ทั้งนี้ ได้มีความเห็นจาก ศาสตราจารย์ ดร.ชาตรี ประกิตนนทการ ผู้คร่ำหวอดในแวดวงประวัติศาสตร์สถาปัตยกรรม ซึ่งได้ให้ความเห็นไว้ว่า การรื้อ โรงภาพยนตร์สกาลา ไม่ใช่เพียงการรื้อสถาปัตยกรรมสมัยใหม่ที่สวยงามเท่านั้น แต่คือการรื้อทิ้งหลักฐานประวัติศาสตร์สังคมชิ้นสำคัญที่สุดชิ้นหนึ่งของไทย ที่บอกเล่าประวัติศาสตร์สงครามเย็นผ่านธุรกิจโรงภาพยนตร์
ในทางสถาปัตยกรรม สกาลาคือโรงภาพยนตร์ standalone ที่ออกแบบอย่างสวยงามที่สุดในประเทศไทย ตัวอาคารออกแบบขึ้นด้วยแนวทาง “สถาปัตยกรรมสมัยใหม่ช่วงปลาย” (Late Modern Architecture) ที่ผสานเข้ากับการตกแต่งภายในแบบ Movie Palace ที่เน้นความอลังการหรูหรา ผสมศิลปะจากหลากหลายยุคสมัยเพื่อสร้างความแปลกตาแฟนตาซี (Eclectic Exoticism) ซึ่งหาได้ยากมากในโรงภาพยนตร์ standalone ในไทย ที่สำคัญ คือ เป็นตัวแบบที่เหลืออย่างสมบูรณ์เพียงหนึ่งเดียว
.
.
.
ในทางประวัติศาสตร์สังคม สกาลาถูกสร้างขึ้นเมื่อปี 2512 ภายใต้บรรยากาศ “สงครามเย็น” (สงครามทางอุดมการณ์ระหว่างโลกเสรีที่มีอเมริกาเป็นแกนนำกับโลกคอมมิวนิสต์ที่มีโซเวียตและจีนเป็นแกนนำ) ซึ่งภายใต้การต่อสู้ทางอุดมการณ์ดังกล่าว ภาพยนตร์คือหนึ่งในเครื่องมือที่สำคัญ ไม่เว้นแม้แต่ในประเทศไทย
กล่าวให้ชัดคือ การเฟื่องฟูขึ้นของธุรกิจภาพยนตร์และการสร้างโรงภาพยนตร์ standalone ทั่วประเทศไทยในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 แยกไม่ได้เลยจากเศรษฐกิจและการเมืองในบริบทสงครามเย็น (อ่านประเด็นนี้เพิ่มใน Rachel V. Harrison บทความเรื่อง The Man with the Golden Gauntlets: Mit Chaibancha’s Insi thorng and the Hybridization of Red and Yellow Perils in Thai Cold War Action Cinema และหนังสือของ Philip Jablon เรื่อง Thailand’s Movie Theatres: Relics, Ruins and the Romance of Escape)
การอนุรักษ์สถาปัตยกรรมสมัยใหม่ในสังคมไทย ต้องยอมรับว่าแทบไม่มีใครสนใจ มีเพียงกลุ่มนักวิชาการเพียงเล็กน้อยเท่านั้นที่พยายามรณรงค์ในเรื่องนี้ แม้แต่กรมศิลปากรเองก็ยังมองว่างานสถาปัตยกรรมในยุคสมัยนี้ไม่มีคุณค่ามากพอต่อการขึ้นทะเบียน
ส่วนคุณค่าในแง่ประวัติศาสตร์สังคม ยิ่งเลวร้ายขึ้นไปอีก เพดานความคิดของสังคมไทย เรื่องราวที่จะถือว่ามีคุณค่ามีเพียงเรื่องราวของพระมหากษัตริย์และวีรบุรุษสงครามมากกว่าประวัติศาสตร์ของผู้คนและสังคม สถาปัตยกรรมใดที่เกี่ยวข้องกับพระมหากษัตริย์และวีรบุรุษสงครามจะได้รับการตีคุณค่าสูงควรแก่การอนุรักษ์ แต่ถ้าเป็นสถาปัตยกรรมที่เกี่ยวข้องกับประวัติศาสตร์สังคมและคนธรรมดา เช่น บ้าน ตลาด และโรงภาพยนตร์ มักถูกมองว่ามีคุณค่าน้อยหรือไม่มีเลย และไม่จำเป็นต้องเก็บรักษาไว้
ด้วยเหตุนี้ จึงไม่แปลกที่ สกาลา จะถูกประเมินว่ามีคุณค่าไม่มากเพียงพอที่จะอนุรักษ์ไว้ อย่างน้อย ก็ไม่มากพอที่จะแลกกับผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจที่จะได้รับ
.
.
ที่มาข้อมูล : อาจารย์ชาตรี ประกิตนนทการ