ผลพวงจากการประชุม “โอเปกพลัส” กับคำถาม “น้ำมันโลกจะพุ่งไปแตะถึง 100 เหรียญสหรัฐหรือไม่ หลังการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกจากสถานการณ์โควิด


สืบเนื่องจากการประชุมของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน หรือโอเปกพลัส เมื่อคืนนี้ ณ. กรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย ที่ตั้งสำนักงานใหญ่ หรือ 20.00 น. ตามเวลาประเทศไทย ในประเด็นของราคาน้ำมันดิบโลกที่ไต่ระดับสูงต่อเนื่อง ผลจากอัตราขายตัวของความต้องการที่พุ่งมากขึ้นเมื่อหลายประเทศเริ่มกลับมาเดินเครื่องจักรกลอีกครั้ง ทั้งยังมีความเป็นไปได้ที่น้ำมันโลกจะพุ่งไปแตะถึง 100 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล จึงเป็นที่จับตามองอย่างใกล้ชิดว่า ผลสุดท้าย จะมีการเปลี่ยนแปลงอย่างไร จากผลพวงที่จะออกมาจากวงประชุมผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับทิศทางน้ำมันโลก

.

.

นายดิษทัต ปันยารชุน รองกรรมการผู้จัดการใหญ่หน่วยธุรกิจการค้าระหว่างประเทศ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า สถานการณ์ราคาน้ำมันตลาดโลก ยังคงมีแนวโน้มตึงตัวอยู่ในระดับสูง จากปัจจัยหลากหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกหลังสถานการณ์โควิด , กำลังการผลิตน้ำมันดิบ , การเข้าสู่ช่วงฤดูหนาว , หรือการเปิดประเทศให้มีการเดินทางท่องเที่ยว

ทั้งนี้ประเมินว่า ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกในช่วงไตรมาส 4 ปีนี้ จนถึงไตรมาส 1 ปี 2565 จะมีราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 80-90 เหรียญสหรัฐ / บาร์เรล และมีสิทธิจะมีการขยับขึ้นไปถึง 100 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ได้กรณีปัจจัยที่กล่าวมาข้างต้นมีแนวโน้มที่ขยับไปในทางที่ดีขึ้น

“ราคาน้ำมันดิบเฉลี่ยในปีนี้จะอยู่ที่ราวๆ 67-69 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ซึ่งสูงกว่าปีก่อนหน้าซึ่งอยู่ที่ 43 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล แต่สำหรับปีหน้า บรรดานักวิเคราะห์มองว่า ราคานำ้มันในตลาดโลก อาจจะพุ่งมาอยู่ที่ 75-85 เหรียญสหรัฐ /บาร์เรล ซึ่งเป็นผลมาจากการตึงตัวทางด้านการผลิตที่มีน้อยกว่าความต้องการใช้ ดังนั้นจึงชัดเจนว่า ราคาน้ำมันในปีหน้าจะยืนอยู่ในระดับสูงอย่างแน่นอน” นายดิษทัต กล่าว

อย่างไรก็ตามสิ่งที่ต้องจับมากที่สุด คือ การประชุมกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน(โอเปกพลัส) 23 ประเทศ จะมีทิศทางในเรื่องกำลังการผลิตอย่างไร โดยปัจจุบันกำลังการผลิตน้ำมันของกลุ่มโอเปก นั้นผลิตรวมกันที่ 27.2 ล้านบาร์เรล/วัน หรือคิดเป็น 30% ของการผลิตของโลก

ซึ่งก่อนหน้านี้มีการระบุว่าทางกลุ่มมีแนวโน้มคงมติเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันดิบในเดือน ธ.ค. เพียง 4 แสนบาร์เรลต่อวัน ตามข้อตกลงเดิม แต่ทางสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA) ประเมินว่า ความต้องการที่แท้จริงนั้น จะต้องมีการผลิตเพิ่มอีกกว่า 1.6 ล้านบาร์เรล/ต่อวัน

แต่มีรายงานว่า กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และชาติพันธมิตร หรือโอเปกพลัส ออกแถลงการณ์หลังการประชุมกำหนดนโยบายการผลิตน้ำมันเมื่อวานนี้ โดยระบุว่า ที่ประชุมมีมติยึดมั่นตามข้อตกลงเดิมในการเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันเพียง 400,000 บาร์เรล/วันในแต่ละเดือน

แถลงการณ์ดังกล่าวบ่งชี้ว่าโอเปกพลัสจะยังคงเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมัน 400,000 บาร์เรล/วันในเดือนพ.ย. แม้ว่าหลายประเทศ เช่น สหรัฐและอินเดีย ต่างกดดันให้โอเปกพลัสเพิ่มกำลังการผลิตมากกว่า 400,000 บาร์เรล/วันเพื่อชะลอการพุ่งขึ้นของราคาน้ำมันในขณะนี้

อย่างไรก็ดี โอเปกพลัสมีความวิตกว่าการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 อาจส่งผลกระทบต่ออุปสงค์น้ำมันในไตรมาส 4

หลังการประชุมในวันนี้ โอเปกพลัสจะจัดการประชุมครั้งต่อไปในเดือนพ.ย.เพื่อกำหนดนโยบายการผลิตน้ำมันสำหรับเดือน ธ.ค.