“เทลอาวีฟ เมืองที่ไม่มีวันหลับใหล” ขึ้นแท่นเมืองค่าครองชีพแพงสุดในโลก ประจำปี 2564 ส่วนกรุงเทพฯ ติดอันดับที่ 57


The Economist Intelligence Unit (EIU) เผยแพร่อันดับเมืองในโลกที่มีค่าครองชีพสูงที่สุด (WORLDWIDE COST OF LIVING 2021) 10 อันดับแรก โดยกรุงเทลอาวีฟเป็นเมืองที่มีค่าครองชีพสูงที่สุดในปี 2564 ตามด้วยกรุงปารีส และสิงคโปร์ ส่วน กรุงเทพฯ อยู่ในลำดับที่ 57 ตกลงมาจากปีที่แล้ว 11 อันดับ จากทั้งหมด 173 เมืองทั่วโลก

สำหรับ กรุงเทลอาวีฟ ประเทศอิสราเอล ได้รับการจัดอันดับเป็น 1 ในเมืองที่มีค่าครองชีพสูงที่สุดในโลกมาอย่างต่อเนื่อง โดย ในปี 63 อยู่ในอันดับที่ 5 และ อันดับที่ 10 ในปี 62 โดย 10 อันดับแรกได้แก่

1.เทลอาวีฟ ประเทศอิสราเอล
2.ปารีส ประเทศฝรั่งเศส
3.สิงคโปร์ ประเทศสิงคโปร์
4.ซูริค ประเทศสวิตเซอร์แลนด์
5 ฮ่องกง
6.นิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา
7.เจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์
8.โคเปนเฮเกน ประเทศเดนมาร์ก
9. ลอสแอนเจลิส ประเทศสหรัฐอเมริกา
10.โอซาก้า ประเทศญี่ปุ่น

ปัจจัยสําคัญต่ออัตราค่าครองชีพในกรุงเทลอาวีฟ ได้แก่ สกุลเงินเชคเกลที่ปรับตัวแข็งค่าขึ้นมากที่สุดในรอบ 25 ปี รวมถึงค่าใช้จ่ายในการเดินทางที่ปรับตัวสูงขึ้นในช่วงปีที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นราคาน้ำมันขายปลีกที่ปรับตัวสูงที่สุดในรอบ 3 ปี เมื่อเดือนตุลาคม 2564 โดยน้ำมันเบนซิน 95 อยู่ที่ประมาณ 70.79 บาท/ลิตร

การผูกขาดในตลาดสินค้าอุปโภค บริโภค ส่งผลให้ราคาสินค้าทั่วไปที่ปรับขึ้นถึงร้อยละ 3.5 ซึ่งเป็นอัตราที่มากที่สุดในรอบ 5 ปี นอกจากนี้ ราคาของอสังหาริมทรัพย์ก็ได้เพิ่มขึ้นร้อยละ 10 เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา

ขณะที่ กรุงดามัสกัส เมืองหลวงของประเทศซีเรีย ยังคงเป็นเมืองที่ถูกที่สุดในโลก ส่วน กรุงเทพมหานคร ในปีนี้ มีอันดับลดลง 11 อันดับ โดยอยู่ที่อันดับ 57 จาก 173 ประเทศ

การจัดอันดับ WCOL ในปีนี้ ยังคงมีผลกระทบมาจากการเปลี่ยนแปลงจากการระบาดของโควิด-19 โดยข้อมูลการสำรวจถูกรวบรวมระหว่างวันที่ 16 ส.ค.- 12 ก.ย.64 ซึ่งมีการเพิ่มขึ้นของราคาสินค้า ค่าขนส่งอย่างต่อเนื่องทั่วโลก และราคาน้ำมันที่ปรับสูงขึ้น รวมทั้งค่าเงินของบางประเทศที่อ่อนค่าลงเมื่อเปรียบเทียบกับเงินดอลลาร์สหรัฐ

ที่มา : สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟ