“Evergreen” จากตำนานเรือขวางคลองสุเอซ ล่าสุด จ่ายโบนัสสูงสุด 40 เดือน ให้พนักงาน แม้โดนค่าปรับเรือไปกว่า 1.78 หมื่นล้าน


เมื่อวันที่ 30 ธันวาคม 2564 ไต้หวันนิวส์รายงานว่า เอเวอร์กรีน มารีน (Evergreen Marine) บริษัทขนส่งทางทะเล เปิดเผย จากสถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด-19 ซึ่งยังส่งผลกระทบต่อเนื่องทั่วโลก ส่งผลให้ตลอดปี 2564 ที่ผ่านมา อัตราค่าระวางของตู้คอนเทนเนอร์ทั่วโลกยังคงปรับเพิ่มต่อเนื่อง เนื่องจากวิกฤตห่วงโซ่อุปทานสะดุด ขาดแคลนตู้คอนเทนเนอร์ ส่งผลให้อุตสาหกรรมการขนส่งทางทะเลได้กำไรเพิ่มขึ้น

เป็นเหตุให้บริษัทมีผลประกอบการในช่วง 3 โตรมาสแรกของปี 64 มากกว่า 150,000 ล้านเหรียญไต้หวัน และคาดว่าสิ้นสุดปี 64 บริษัทจะมีผลประกอบการมากกว่า 200,000 ล้านเหรียญไต้หวัน ทำให้บริษัทตัดสินใจประกาศแจกโบนัสประจำปีแก่พนักงานสูงถึง 40 เดือน

รายงานจากสื่อท้องถิ่นระบุว่า พนักงานหลายรายถึงกับตกใจเมื่อบริษัทประกาศถึงยอดโบนัสจำนวนมากที่จะได้รับ โดยหนึ่งในคู่สามีภรรยาที่เป็นผู้คุมงานระดับต้น (entry-level supervisors) ทั้งคู่ได้รับโบนัสรวมกันจำนวนถึง 5 ล้านดอลลาร์ไต้หวัน ขณะที่ทั้งคู่ได้รับเงินเดือนคนละราว 60,000 ดอลลาร์ไต้หวัน หลังจากที่ทำงานในบริษัทมานานกว่า 10 ปี

ผู้บริหารระดับสูงของ Evergreen กล่าวว่า การตัดสินใจแจกโบนัสประจำปีก้อนใหญ่นี้ พิจารณาจากปัจจัยหลายประการ เนื่องจากในช่วง 2 ปีที่ผ่านมานี้จากสถานการณ์ระบาด บริษัทมีผลประกอบการที่ดีมากในช่วงเวลาดังกล่าว ประกอบกับอดีตบริษัทแทบไม่ได้แจกโบนัสให้กับพนักงานเนื่องจากประสบปัญหาภาวะเศรษฐกิจย่ำแย่ เป็นเหตุผลทำให้ตัดสินใจแจกโบนัส 40 เดือนให้กับพนักงานในปีนี้

อย่างไรก็ดี ทางผู้บริหารเตือนว่า แม้ภาคอุตสาหกรรมชิปปิ้งจะกอบโกยผลกำไรในช่วงการระบาด ทว่า ยังมีอีกหลายอุตสาหกรรมที่ต้อนดิ้นรนจากผลกระทบของโควิด ซึ่งอนาคตไม่อาจรับประกันได้ว่า ธุรกิจชิปปิ้งจะได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ระบาดของโควิดหรือไม่

สำหรับเอเวอร์กรีน ได้กลายเป็นบริษัทชิปปิ้งที่รู้จักไปทั่วโลก จากเหตุการณ์เรือเอเวอร์ กีฟเว่น (Ever Given) ติดขัดขวางคลองสุเอซ เมื่อ 23 มีนาคม 64 ที่ผ่านมา เป็นเหตุให้การขนส่งสินค้าทุกชนิดผ่านเส้นทางคลองสุเอซต้องติดชะงักนับสัปดาห์

เอเวอร์กรีน เป็นอีกหนึ่งบริษัทชิปปิ้งที่เปิดเผยการแจกโบนัสพนักงานก้อนใหญ่ หลังจากก่อนหน้านี้ บริษัทเมอร์สก์ ชิปปิ้งรายใหญ่เบอร์หนึ่งของโลก สัญชาติเดนมาร์ก ประกาศว่าเตรียมจ่ายโบนัสก้อนใหญ่ให้แก่ลูกจ้างทั่วโลกที่มีจำนวนร่วม 80,000 คน รายละ 1,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 33,000 บาท หลังบริษัทมีรายงานผลประกอบการไม่น้อยกว่า 16,200 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเป็นยอดมากสุดในประวัติศาสตร์ของบริษัทนับตั้งแต่ก่อตั้งมาร่วม 117 ปี