แซลมอนในแหล่งเพาะเลี้ยงขนาดใหญ่ที่นิวซีแลนด์ ตายนับพันตัวสร้างความวิตกต่อราคาที่อาจพุ่งสูงขึ้น


King Salmon ฟาร์มเลี้ยงปลาแซลมอนของนิวซีแลนด์เผชิญกับสภาพอากาศแปรปรวนเล่นงาน จนทำให้ปลาที่อยู่ในฟาร์มเลี้ยงตายนับพันตัว สร้างความกังวลในตลาดโลกที่ราคาอาจเพิ่มสูงขึ้นไปอีก

ผู้เลี้ยงปลาแซลมอนของ King Salmon กล่าวว่าฟาร์มบางแห่งต้องปิดทำการลง หลังน้ำทะเลมีอุณหภูมิร้อนจัด ส่งผลให้ปลาตายเป็นจำนวนมาก โดยนิวซีแลนด์ถือว่าเป็นผู้ผลิตแซลมอนพันธุ์ Chinook รายใหญ่ของโลก ซึ่งเป็นสายพันธุ์ที่มีมูลค่าสูงดึงดูดเป็นสินค้าพรีเมียมในตลาดโลก ผ่านส่วนแบ่งคิดเป็น 85% ของตลาดทั่วโลก

ปัจจุบันน้ำทะเลมีความร้อนมากขึ้นส่งผลให้ปลาในบางพื้นที่ตายเป็นจำนวนมากก่อนที่จะโตเต็มที่ โดยปลานับพันตัวต้องตายก่อนที่จะขายทิ้งให้เกษตรกรต้องนำปลาไปเททิ้งในหลุมฝังศพในท้องถิ่น

Grant Rosewarne หัวหน้าผู้บริหารของ King Salmon กล่าวว่าเราควรมีระฆังเตือน ตนไม่เคยได้ยินคำว่า “คลื่นความร้อนใต้ทะเล” มาก่อน เราควรมีเวลามากขึ้น การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเป็นกระบวนการที่ช้า แต่เร็วกว่าที่หลายคนคาดคิด

เป็นเรื่องปกติที่ปลาในฟาร์มจำนวนเล็กน้อยจะตายในแต่ละปี แต่อุณหภูมิที่ร้อนขึ้นเป็นสัญญาณอย่างมีนัยสำคัญว่าจำนวนปลาอาจตายเพิ่มมากขึ้น โดยในปี 2022 บริษัท King Salmon มีปลาในฟาร์มตายถึง 42% เมื่อเปรียบเทียบกับปี 2018 ที่คิดเป็น 18% เท่านั้น

แน่นอนว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนำมาสู่ผลกระทบต่อผลประกอบการของบริษัทที่อาจขาดทุนมหาศาล โดย King Salmon หวังว่ารัฐบาลนิวซีแลนด์จะยื่นมือเข้ามาช่วยชดเชยความเสียหายที่เกิดขึ้น และสิ่งที่ต้องจับตามองต่อจากนี้ คือราคาแซลมอนในตลาดโลกที่ก่อนหน้านี้ได้ปรับราคาสูงขึ้นจากสงครามรัสเซีย-ยูเครน ที่ส่งผลกระทบต่อต้นทุนการขนส่ง มาคราวนี้อาจราคาอาจปรับสูงขึ้นอีก

ที่มา:
https://www.theguardian.com/world/2022/may/26/major-new-zealand-salmon-producer-shuts-farms-as-warming-waters-cause-mass-die-offs