แร่ “Rare Earth” ทรัพยากรสำคัญของจีนที่ใช้ลงโทษ ต่อรองกับคู่กรณี


ความขัดแย้งของเหล่ามหาอำนาจของโลกเกิดขึ้นอยู่เรื่อย ๆ ทั้งในเรื่องของการเมือง การค้า ที่ชิงไหวชิงพริบระหว่างกัน เมื่อเหตุการณ์ที่อาจนำไปสู่ความไม่ลงรอยเกิดขึ้นแล้ว แน่นอนว่าแต่ละฝ่ายล้วนนำเอาจุดแข็ง หรือสิ่งที่ตัวเองมีอยู่ยกขึ้นมาให้ทุกคนเห็นถึงความสำคัญ

อย่างกรณีที่เกิดขึ้นที่จะนำมาสู่ความไม่ลงรอยอีกครั้ง ทั้ง จีน-ไต้หวัน-สหรัฐฯ หลังจากแนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรแห่งสหรัฐอเมริกา เดินทางมาเยือนไต้หวัน จนเกิดความไม่พอใจให้กับทางฝั่งจีนว่า “อย่าเล่นกับไฟ ไม่อย่างนั้นจะโดนเผา” โดยไม่นานหลังจากนั้นจีนได้สั่งแบนสินค้าอาหาร 2,000 รายการจากไต้หวัน รวมถึงระงับการส่งออกทรายบริสุทธิ์ไปยังไต้หวัน

อีกทรัพยากรที่เป็นหมัดเด็ดของจีน คงหนีไม่พ้น แร่ “Rare Earth” ที่เป็นแร่ค่อนข้างหายาก โดยจีนมีพื้นที่ครอบครองมากกว่า 90% ของโลก ความสำคัญของแร่ดังกล่าว คือเป็นส่วนประกอบในการผลิตสินค้าที่ใช้ในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็น หน้าจอ, ลำโพง รวมไปถึงแบตเตอรี่ของรถยนต์ไฟฟ้า

สำหรับแร่ “Rare Earth” ที่หายาก เช่น ลิเธียม, โคบอลต์, นิกเกิ้ล และแมงกานีส ไม่เพียงเท่านั้น ลิเธียม โคบอลต์ ยังอยู่ในจีนแทบทั้งหมด

รายงานจากสำนักข่าวต่างประเทศ เผยว่าบริษัท Contemporary Amperex Technology Co. Ltd. (CATL) ซึ่งเป็นผู้ผลิตแบตเตอรี่รถยนต์รายใหญ่ของจีน และเป็นซัพพลายเออร์รถยนต์ไฟฟ้ารายใหญ่ของโลก ทั้ง Tesla, BMW, Volkswagen และ Mercedes-Benz ตัดสินใจระงับการก่อสร้างโรงงานผลิตแบตเตอรี่ที่มีมูลค่า 5,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และระงับการจ้างงานอีก 10,000 อัตรา

แน่นอนว่าเรื่องนี้ จะส่งผลกระทบอย่างมากกับการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าของหลายแบรนด์ที่ยังคงพึ่งพาแบตเตอรี่ที่มาจากจีนของแบรนด์สหรัฐฯ โดยเรื่องนี้อาจจะเป็นจุดเริ่มต้นของความขัดแย้งที่กำลังปะทุขึ้นในอีกไม่ช้านี้