ธปท. ออกมาตรการจัดการภัยทุจริตทางการเงินที่ต่อไปโอนเงินเกิน 50,000 บาท ต้องยืนยันตัวตน


ในช่วงเวลาที่ผ่านมา ปัญหาเรื่องภัยทุจริตทางการเงินเกิดขึ้นมากมาย ประชาชนตกเป็นเหยื่อจำนวนมากด้วยวิธีหลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น SMS หลอกลวง, แก๊งคอลเซ็นเตอร์, แอปพลิเคชันให้สินเชื่อปลอม และแอปพลิเคชันดูดเงิน

ปัญหานี้ทำให้ ธปท. ตระหนักถึงความเดือดร้อนของประชาชนจึงได้ออกแนวนโยบายชุดมาตรการจัดการภัยทุจริตทางการเงินที่ดูแลตลอดเส้นทางการทำธุรกรรมทางการเงิน แบ่งเป็น 3 แนวทาง ดังต่อไปนี้

1.มาตรการป้องกัน

– ห้ามแนบ link ผ่าน SMS และ e-mail ห้ามส่ง Link ขอข้อมูลส่วนบุคคล หรือ OTP ผ่าน social media เริ่ม ก.พ. 66 เสร็จทุกแห่ง มิ.ย.66

– ปรับปรุงระบบรักษาความปลอดภัยบน Mobile Banking ให้ update ล่าสุด เริ่ม ก.พ. 66 เสร็จทุกแห่ง มี.ค.66

-ให้ลูกค้ายืนยันตัวตนด้วย biometrics เป็นอย่างน้อย เมื่อเปิดบัญชีแบบ non-face-to-face (เสร็จแล้ว), เปลี่ยนวงเงิน, โอนเงินจำนวนมาก (เกิน 50,000 บาท) เริ่ม มี.ค.66 เสร็จทุกแห่ง มิ.ย.66

2.มาตรการตรวจจับและติดตามบัญชี หรือธุรกรรมต้องสงสัย เพื่อให้ สง. ช่วยจำกัดความเสียหายได้เร็วขึ้น และลดการใช้บัญชีม้า ธปท. จะกำหนดเงื่อนไขการตรวจจับและติดตามธุรกรรมเข้าข่ายผิดปกติ หรือกระทำความผิด เพื่อให้ สง. รายงานไปสำนักงาน ปปง. รวมทั้งให้ สง. ต้องมีระบบตรวจจับและติดตามบัญชี หรือธุรกรรมต้องสงสัยแบบ near real-time เพื่อให้สามารถระงับธุรกรรมได้ทันทีเป็นการชั่วคราวเมื่อตรวจพบ

3. มาตรการตอบสนองและรับมือ เพื่อจัดการปัญหาให้ผู้เสียหายได้เร็วขึ้น ให้ สง. ทุกแห่งต้องมีช่องทางติดต่อเร่งด่วน (hotline) ตลอด 24 ชั่วโมง แยกจากช่องทางให้บริการปกติ เพื่อให้ผู้ใช้บริการแจ้งเหตุได้โดยเร็ว รวมทั้งให้ดูแลรับผิดชอบผู้ใช้บริการ หากพบว่าความเสียหายเกิดจากข้อบกพร่องของ สง.

ที่มา: ธนาคารแห่งประเทศไทย

เรื่องที่เกี่ยวข้อง