พิธา เดินหน้าคุยสมาพันธ์เอสเอ็มอีไทย หาแนวทางร่วมกันผลักดันผู้ประกอบการ SME ให้มีศักยภาพ
นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวว่าจากการประชุมร่วมกันระหว่างสมาพันธ์เอสเอ็มอีไทยกับทีมเศรษฐกิจของพรรคก้าวไกลในเรื่องทิศทางการบริหารเศรษฐกิจมหภาค และลงลึกถึงสถานการณ์ SME โดยเฉพาะสถานการณ์ SME ไทยในช่วงโควิด-19 หลังโควิด-19 ตลอดจน ณ ปัจจุบัน กับการเปรียบเทียบกับประเทศเพื่อนบ้านให้เห็นว่าการเข้าถึงแหล่งเงินทุน สัดส่วนเงินกู้ สัดส่วน SME ต่อ GDP แต่ละประเทศเป็นอย่างไรบ้าง
นอกจากนี้ยังมีการสอบถามถึงความต้องการของสมาพันธ์เอสเอ็มอี ไม่ว่าจะเป็น สมุดปกขาวที่เตรียมเอาไว้, การชี้แจงนโยบายสำคัญที่จะช่วยเหลือ SME เช่น นโยบายหวยใบเสร็จ, การผ่านกฎหมายเพื่อที่จะตั้งสภาเอสเอ็มอีที่จะได้มีโอกาสเข้าประชุมเหมือนกับบริษัทใหญ่ ๆ อย่างสภาอุตสาหกรรม ตลอดจนการเข้าร่วมประชุมกับรัฐบาลได้ สร้างโอกาสที่จะมีแต้มต่อในการต่อรอง ทั้งต้นทุนพลังงาน, ต้นทุนดอกเบี้ย, กฎหมายที่ไม่จำเป็น
ด้านนายแสงชัย ธีรกุลวาณิช ประธานสมาพันธ์เอสเอ็มอีไทย กล่าวว่าวันนี้เป็นโอกาสดีที่ได้มานั่งพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับทิศทางการขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานราก โดยเฉพาะผู้ประกอบการ SME อย่างไรในอนาคต หลังการแลกเปลี่ยนอย่างเข้มข้น เรามีข้อสรุปที่เห็นตรงกันคือมาตรการที่จะปลุกเศรษฐกิจฐานราก และการกระจายรายได้ไปสู่ท้องถิ่นด้วยหวย SME ซึ่งถือว่าน่าสนใจ และเรายินดีสนับสนุนในเรื่องของมาตรการนี้ รวมถึงการพูดคุยเกี่ยวกับสัดส่วน GDP ต่อ SME การส่งเสริมผู้ประกอบการท้องถิ่นให้ไปเติบโตในระดับสากล
อีกทั้ง ยังมีมาตรการแก้ไขเรื่องต้นทุนให้กับ SME ค่าครองชีพของประชาชน ที่จะนำไปบรรจุในนโยบายที่จะลดต้นทุนให้กับผู้ประกอบการในมิติต่าง ๆ เพื่อส่งเสริมเศรษฐกิจท้องถิ่น สามารถพึ่งพาตนเองได้ นอกจากนี้ยังมีในส่วนของแหล่งเงินทุน ซึ่งพรรคก้าวไกลก็เห็นสอดคล้องกับสมาพันธ์เอสเอ็มอีไทยที่จะต้องทำเรื่องของกองทุน, การหาช่องทางให้ผู้ประกอบการได้รับโอกาสจากแหล่งทุนต้นทุนต่ำ โดยเฉพาะรายย่อย และที่สำคัญคือการฟื้นฟูผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตโควิด-19 ที่ผ่านมา
ต่อมาเรื่องการยกระดับขีดความสามารถของผู้ประกอบการ SME และภาคแรงงาน โดยวันนี้เรามีความต้องการที่จะดึงแรงงานนอกระบบ เข้าระบบเป็นจำนวนมาก รวมถึงการอัพสกิลให้กับผู้ประกอบการกับแรงงานให้สอดคล้องไปในทิศทางเดียวกันเพื่อเป็นการเพิ่มรายได้คู่กัน
เรื่องสุดท้ายคือการแก้ไขกฏหมายที่เป็นปัญหาอุปสรรคต่อธุรกิจของผู้ประกอบการ SME เราเห็นพ้องต้องกันว่าจะมีการทบทวนกฎหมายต่าง ๆ ร่วมกัน ผ่านคณะการทำงาน
นายพิธา ได้พูดถึงนโยบาย “5 ต” เพื่อ SME ไทยก้าวหน้า ในที่ประชุม ซึ่งมีรายละเอียดดังต่อไปนี้
1.แต้มต่อให้ SME: หวย SME, นิติบุคคลซื้อสินค้าจาก SME ลดหย่อนภาษีภาษีเพิ่ม 1.5 เท่าจากส่วนที่เพิ่ม
2.เติมทุนให้ SME: ทุนสร้างตัวรายละ 100,000 บาท, ทุนตั้งตัววงเงิน 1,000,000 บาท
3.ตัด cost ให้ SME: เพิ่มการหักค่าใช้จ่ายเหมาภาษีบุคคลจาก 60% เป็น 90% หากร่วมกับหวย SME, SME นำค่าแรงขั้นต่ำหักภาษีได้ 2 เท่าเป็นระยะเวลา 2 ปี, ลด tax bracket ให้ SME
4.เติมตลาดให้ SME: กำหนดชั้นวางสินค้าให้ SME ในห้างค้าปลีกสมัยใหม่, คืนภาษีบุคคล 1,000 บาท สำหรับสินค้าเกษตรและเศรษฐกิจสร้างสรรค์
5.ตั้งสภา SME ให้มีอำนาจต่อรองเทียบเท่าทุนใหญ่