เลเวอเรจคืออะไร อัตราการใช้ประโยชน์ แบบไหนที่เหมาะกับเทรดเดอร์


เลวอเรจ คือ อัตราการใช้ประโยชน์ ของเงินทุนสำหรับเทรดเดอร์ที่มองเห็นช่องทางในการทำกำไรในสินทรัพย์ทุกอย่างผ่านระบบเทรดในกระดานสินทรัพย์โดยใช้เงินลงทุนที่น้อย เช่น มีเงินทุนอยู่ 20,000 บาท แต่ต้องการซื้อสินทรัพย์ที่มีมูลค่า 100,000 บาท จึงตัดสินใจทำเลเวอเรจ ทำให้มีเงินทุนเพิ่มขึ้นสามารถซื้อสินทรัพย์ดังกล่าวได้หรือเป็นการใช้เครดิตในการยืมเงินจากโบรกเกอร์มาลงทุนก่อน เมื่อได้กำไรทางโบรกเกอร์จะหักเงินส่วนต่างที่ยืมไปกลับคืนเอง

ก่อนที่จะไปเรียนรู้กับ อัตราการใช้ประโยชน์ จากค่าเลเวอเรจนักลงทุนควรทำความเข้าใจกับ pip และ lot เสียก่อน เพราะมีส่วนสำคัญให้นักลงทุนตัดสินใจในการทำเลเวอเรจและความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้น

ความสัมพันธ์ของ PIP-Lot และ เลเวอเรจ

PIP หรือ Price Interest Point คือ หน่วยของการเปลี่ยนแปลงในราคาของตลาด Forex โดยปัจจุบันเกือบทุกโบรกเกอร์ใช้ทศนิยม 5 ตำแหน่งในการเทรด ในตำแหน่งที่ 5 จะเรียกว่า Point โดย 10 Point จะมีค่าเท่ากับ 1 pip แล้ว 1 pip มีค่าเท่าไร เมื่อทำการเทรดต้องใช้เงินลงทุนเท่าไร หากใครที่เคยผ่านการซื้อขายทองคำ ฟิวเจอร์หรือ tfex มาก่อนจะเข้าใจกับความหมายของคำว่า lot ซึ่ง lot เปรียบเสมือนสัญญาในการซื้อขาย โดยหากมีการขึ้นลง 1 point ต่อ 1 สัญญา จะทำให้เทรดเดอร์กำไรหรือขาดทุน 1 USD เป็นต้น
แต่การเทรดฟอเรกซ์จะใช้ขนาดของ lot ในการซื้อขาย ยกตัวอย่าง หากคุณต้องเทรดค่าเงิน EUR/USD ขนาด 1 Lot ซึ่งใน 1 Lot ของ EUR/USD มีค่าเท่ากับ 100,000 EUR หากเทรดเดอร์ต้องการรู้ว่า 1 pip มีค่าเท่าใดสามารถนำขนาดของสัญญา x การเปลี่ยนแปลงของราคา เท่ากับ 100,000 x 0.0001 = 10 USD แสดงว่า 1 Lot หากมีการเคลื่อนไหวของราคา 1 pip จะมีค่าเท่ากับ 10 USD หรือ 1 Point มีค่าเท่ากับ 1 USD นั่นเอง สำหรับมูลค่าของ Lot จะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับคู่สกุลเงิน นักลงทุนควรศึกษาและทำความเข้าใจก่อนตัดสินใจลงทุนเสียก่อน

ตารางแสดง Lot พื้นฐานและชื่อของ Lot ที่ใช้เทรด พร้อมมูลค่าต่อ pip

 

 

อัตราการใช้ประโยชน์ ค่าเลเวอเรจที่เหมาะสม

สำหรับค่าเลเวอเรจส่วนใหญ่จะนิยมใช้ในหมู่นักลงทุนหรือเทรดเดอร์ที่มีประสบการณ์ในการเทรดมาแล้วสักระยะหนึ่ง เพราะจะรู้และเข้าใจถึงความหมายและความเสี่ยงของการทำเลเวอเรจเป็นอย่างดี ในขณะที่มือใหม่แค่หัดซื้อ-ขาย ออกออเดอร์ไม่ผิด ฝึกมองการเคลื่อนที่ของราคาเพียงเท่านี้ก็ถือว่ามากพอต่อการเสริมสร้างประสบการณ์ที่ดีแล้ว เพราะนอกจากการทำเลเวอเรจจะมีพลังในการซื้อที่มากแล้ว ยังช่วยในการปกป้องการ Cut Loss ให้แก่นักลงทุนได้ด้วย ยกตัวอย่าง ค่าเลเวอเรจที่ใช้เทรด
– ค่าเลเวอเรจ 1 : 1 หมายความว่า มีเงินทุน 1,000 บาท สามารถซื้อสินทรัพย์ได้ 1,000 บาท
– ค่าเลเวอเรจ 1 : 10 หมายความว่า มีเงินทุน 1,000 บาท สามารถซื้อสินทรัพย์ได้ 10,000 บาท
– ค่าเลเวอเรจ 1: 100 หมายความว่า มีเงินทุน 1,000 บาท สามารถซื้อสินทรัพย์ได้ 100,000 บาท
– ค่าเลเวอเรจ 1: 1,000 หมายความว่า มีเงินทุน 1,000 บาท สามารถซื้อสินทรัพย์ได้ 1,000,000 บาท
จากตัวอย่างจะเห็นว่ายิ่งอัตราการใช้ประโยชน์ค่าเลเวอเรจยิ่งสูง ยิ่งมีอำนาจในการซื้อที่เพิ่มมากขึ้น หากถูกทางก็จะทำให้เทรดเดอร์สามารถทำกำไรมหาศาล ในทางกลับกันหากผิดทางก็ทำให้ขาดทุนมหาศาลด้วยเช่นกัน

ประโยชน์ของการทำเลเวอเรจ

1. มีโอกาสในการทำกำไรค่อนข้างสูง หากนักลงทุนที่มีความชำนาญสามารถวิเคราะห์กราฟและคาดการณ์ตลาดได้อย่างแม่นยำ ก็จะช่วยให้การทำเลเวอเรจมีโอกาสสร้างผลตอบแทนให้อย่างมหาศาลได้ โดยเฉพาะการแบ่งออกเป็น lot ให้สมดุลกับเงินลงทุนที่มีอยู่ เช่น การใช้เงินทุนเพียง 1,000 ดอลลาร์ เทรดด้วยอัตราเลเวอเรจ 1 : 50 ก็จะทำให้มีเงินในการเทรด 50,000 ดอลลาร์ หากสามารถทำกำไรได้ก็จะทำให้ได้รับผลตอบแทน 50,000 ดอลลาร์ ในขณะที่ความเสี่ยงที่จะทำให้ขาดทุนนั้นเท่ากับ 1,000 ดอลลาร์เท่านั้น
2. เพิ่มจำนวน lot ให้การเทรดเพื่อกระจายความเสี่ยง เช่น หากมีเงินทุนในพอร์ตที่ 1,000 ดอลลาร์และต้องการเทรดด้วยการแบ่งไม้เข้าหรือซอย Lot ให้เล็กลง เพียงใช้อัตราส่วนเลเวอเรจที่ 1:10 หรือ 1:5 ขนาด 0.1 Lot เพื่อลดความเสี่ยงและสามารถทดการขาดทุนได้
3. การตั้งค่าเลเวอเรจที่สูง สามารถเข้าถึงคำสั่งซื้อใน Lot Size ที่มีขนาดใหญ่ขึ้นได้
4. ดอกเบี้ยต่ำ การทำเลเวอเรจคือการที่โบรกเกอร์ให้เทรดเดอร์ยืมเงินไปซื้อสินค้าก่อน จากนั้นค่อยคิดดอกเบี้ย แต่ถ้าคุณสามารถซื้อและขายจบภายในวันได้ ก็อาจทำให้ไม่เสียดอกเบี้ยหรือค่าธรรมเนียมในการยืมเงิน โดยเฉพาะในปัจจุบันมีการแข่งขันระหว่างโบรกเกอร์ค่อนข้างสูง จึงทำให้มีการแย่งชิงลูกค้าเพื่อให้ค่าเลเวอเรจที่สูงค่าธรรมเนียมลดลงหรือแทบจะไม่มีเลย

ข้อเสียของการทำเลเวอเรจ

การทำเลเวอเรจ เมื่อมีข้อดีก็ย่อมมีข้อเสียด้วยเช่นกัน
1. มีความเสี่ยงสูง ตามขนาดของ Lot Size ที่ใหญ่ขึ้น ซึ่งเทรดเดอร์ควรระมัดระวัง การบริหาร lot size ให้ดี เพราะหากผิดพลาดมาอาจทำให้ได้รับความเสียหายได้
2. หากทำเงินติดลบ โอกาสที่จะทำเงินกลับคืนได้ค่อนข้างยาก ส่วนใหญ่จะเกิดกับมือใหม่ที่ไม่สามารถประเมินความเสี่ยงด้วยตนเองได้และขาดความเข้าใจในการทำเลเวอเรจเป็นอย่างมาก จึงส่งผลให้เกิดเรื่องแย่ๆ ต่อการเทรดฟอเรกซ์และเลเวอเรจนั่นเอง

วิธีจำกัดความเสี่ยงของการทำเลเวอเรจ

1. ฝึกใช้ Demo ให้คล่อง ทุกโบรกเกอร์ฟอเรกซ์จะมีบัญชี Demo หรือ บัญชีทดลองเทรดไว้ให้ลูกค้าได้ใช้บริการ เพื่อทดลองเทรดในสภาวะเหมือนจริง โดยอาจให้เงิน Demo มาในบัญชีทดลอง 10,000 ดอลลาร์ ดังนั้น เทรดเดอร์ควรฝึกฝนการเทรดและหัดใช้เลเวอเรจให้คล่องก่อนที่จะลงสนามเพื่อเทรดโดยใช้เงินจริง ซึ่งจะทำให้เทรดเดอร์มือใหม่ลดความเสียหายจากการเทรดด้วยค่าเลเวอเรจได้
2. ต้องรู้จัก Cut Loss หรือการหยุดขาดทุน เพื่อรักษาเงินต้นเอาไว้ไม่ให้โดนจนต้องล้างพอร์ต โดยอาจกำหนดเป็น % ของยอดเงินในพอร์ต เช่น มีเงินทุนในพอร์ต 1,000 ดอลลาร์ ขาดทุนได้ไม่เกิน 10% หรือ 100 ดอลลาร์ หากขาดทุนมากกว่านั้นจะต้องหยุดเทรด เป็นต้น เพื่อออกมาวิเคราะห์และพิจารณาตลาดใหม่ ค่อยเข้าไปเทรดหรือรอเทรดในวันถัดไป เพื่อหาข้อมูลของตลาดในขณะนั้นว่าเกิดอะไรขึ้น เช่น สงคราม, สภาพเศรษฐกิจ, GDP อัตราดอกเบี้ยและอื่นๆ
3. เทรดด้วยเงินที่เหมาะสม ไม่โอเวอร์เทรด แม้การใช้เลเวอเรจจะสามารถสร้างโอกาสในการทำกำไรที่สูง แต่เทรดเดอร์ที่ดีควรเทรดด้วยจำนวนเงินที่เหมาะสมและไม่โอเวอร์เทรด เพื่อลดความเสี่ยงในสถานการณ์ที่ไม่คาดคิดมาก่อน เช่น สงคราม, โรคระบาด, วิกฤตการเงินโลก เป็นต้น เพราะหากผิดทางอาจสร้างความเสียหายให้อย่างมหาศาลได้

ตารางแสดงการคำนวณหลักประกันและการเปลี่ยนแปลงเงินฝากในการทำเลเวอเรจด้วยเงิน 100,000 ดอลลาร์
เลเวอเรจ การเปลี่ยนแปลง (%) ขนาดตำแหน่งในล็อต มาร์จิ้น การเปลี่ยนแปลงยอดคงเหลือ (%)

 

 

 

จากตารางจะเห็นว่า หากต้องการเทรดฟอเรกซ์ที่ค่าเลเวอเรจที่ต่ำ จะต้องเติมเงินในปริมาณที่มาก ในขณะที่จะมีความปลอดภัยของการสูญเสียเงินต่ำ

บทสรุปหากต้องการเทรดฟอเรกซ์ให้ประสบความสำเร็จ

1. ฝึกและทดสอบการเทรดด้วยเลเวอเรจด้วยอัตราส่วนที่แตกต่างกัน เพื่อหาความเหมาะสมกับจำนวนเงินจริงที่จะต้องวางเงินหลักประกันลงไป
2. ตัดสินใจเกี่ยวกับรูปแบบที่จะเทรดให้ดี โดยอาจต้องอาศัยการดูกราฟในระยะเวลาสั้น กลางและยาวก่อนวางแผนการเทรดที่เหมาะสม
3. เทรดด้วยจำนวนเงินที่พร้อมจะเสียเท่านั้น เป็นไปไม่ได้เลยที่การลงทุนจะไม่มีความเสี่ยงหรือขาดทุน แต่จะทำอย่างไรให้เกิดความสูญเสียน้อยที่สุด นั้นคือการจำกัดวงเงินในการเทรดเสียก่อน
4. หาโบรกเกอร์ที่ดีและมีประสบการณ์ในตลาดมาอย่างยาวนาน หลายคนอาจส่งสัยว่าเทรดฟอเรกซ์จำเป็นอะไรต้องเลือกโบรกเกอร์ ซึ่งโบรกเกอร์ไม่เพียงแต่ทำหน้าที่ในการประสานงานในการส่งคำสั่งซื้อขายเท่านั้น แต่ยังทำหน้าในการให้คำปรึกษา บริการข้อมูล ตลอดจนคำแนะนำที่จะช่วยให้เทรดเดอร์ก้าวสู่มืออาชีพในการเทรดฟอเรกซ์ได้
เลเวอเรจ อัตราการใช้ประโยชน์ ถือเป็นเครื่องมือให้เทรดเดอร์ก้าวไปสู่ความมั่งคั่ง ด้วยจำนวนเงินที่จำกัด ซึ่งจะสามารถประสบความสำเร็จได้จะต้องผ่านการฝึกฝน ลองผิดลองถูกผ่านการใช้งานระบบเทรด Demo ที่ทุกโบรกเกอร์ให้บริการ เพื่อสร้างความมั่นใจและความชำนาญในการใช้งาน