จากความก้าวหน้าของเทคโนโลยีใหม่ ๆ ที่นำมาใช้ผสมผสานกับธุรกิจในปัจจุบัน รวมถึงพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป วิถีชีวิตที่เร่งรีบขึ้น ความสะดวกสบายในการซื้อสินค้าผ่านช่องทางการจำหน่ายที่หลากหลายมากขึ้น ทำให้การค้าในรูปแบบใหม่ที่เรียกว่า e-Commerce เข้ามามีบทบาทเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในระบบเศรษฐกิจยุคปัจจุบัน
การซื้อขายสินค้าในรูปแบบ e-Commerce ระหว่างประเทศ หรือ Cross Border e-Commerce (CBEC) ไม่เพียงแต่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคได้เป็นอย่างดี ยังช่วยสร้างโอกาสอย่างมากให้แก่ผู้ผลิตและผู้ส่งออกสามารถขยายฐานการตลาดไปยังกลุ่มเป้าหมายใหม่ในต่างประเทศได้ และมียอดขายเพิ่มขึ้น นั่นจึงเป็นกลยุทธ์สำคัญที่ผู้ประกอบการไทยที่ต้องการส่งออกต้องปรับตัวและเริ่มหันมาขยายตลาดผ่านแพลตฟอร์ม e-Commerce ระหว่างประเทศมากขึ้น อย่างไรก็ตามแม้ว่าการขยายตลาดผ่านแพลตฟอร์ม e-Commerce จะสามารถสร้างโอกาสทางการค้าอย่างมหาศาลให้แก่ผู้ประกอบการ แต่ในขณะเดียวกันผู้ประกอบการก็ต้องพบกับความท้าทายและการแข่งขันที่สูงจากคู่แข่งจำนวนมากบนแพลตฟอร์มด้วยเช่นกัน ดังนั้น การสร้างความแตกต่าง โดดเด่น และความเชื่อมั่นในคุณภาพของสินค้าให้แก่ผู้บริโภค จึงเป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้สินค้าไทยสามารถแข่งขันในตลาดโลกได้
กระทรวงพาณิชย์ เล็งเห็นความสำคัญในการเตรียมความพร้อมผู้ประกอบการไทยให้สามารถขยายการส่งออกผ่านแพลตฟอร์ม e-Commerce และแข่งขันในตลาดโลกได้ จึงได้มีนโยบายที่เร่งผลักดันภาคการส่งออกโดยให้ความสำคัญกับการกระตุ้นให้ผู้ประกอบการในทุกระดับให้สามารถก้าวสู่การค้าออนไลน์มากยิ่งขึ้น ซึ่งการค้าแบบ e-Commerce ข้ามพรมแดน หรือ Cross Border e-Commerce (CBEC) ถือเป็นอีกหนึ่งยุทธศาสตร์หลักของกระทรวงฯ ที่เป็นแรงขับเคลื่อนที่สำคัญให้ภาคการส่งออกของไทยยังสามารถเติบโตได้ในยุคเศรษฐกิจดิจิทัล และเพื่อเป็นการตอบรับนโยบายของกระทรวงพาณิชย์ กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ จึงได้ผลักดันโมเดลธุรกิจการจัดตั้งร้าน TOPTHAI บนแพลตฟอร์ม e-Commerce ชั้นนำเพื่อเพิ่มช่องทางให้ผู้ประกอบการไทยสามารถต่อยอดธุรกิจจากออฟไลน์สู่ออนไลน์ และสร้างความแข็งแกร่งให้กับแบรนด์สินค้าไทยในสายตาผู้ซื้อต่างชาติ
จุดแข็งของร้าน TOPTHAI คือ เป็นร้านค้าที่จำหน่ายสินค้าท๊อปๆ และมีเอกลักษณ์จากไทย ซึ่งผ่านการคัดสรรจากหน่วยงานรัฐบาลทำให้เชื่อมั่นได้ว่า สินค้าจากร้าน TOPTHAI จะเป็นสินค้าเกรดพรีเมี่ยมคุณภาพดีจากไทย ซึ่งคาดว่าจะสามารถช่วยผลักดันผู้ประกอบการไทยให้สามารถทดลองตลาดออนไลน์ใหม่ๆ อีกทั้งช่วยลดค่าใช้จ่ายในการลงทุน ขณะเดียวกันยังสร้างโอกาสให้ผู้ประกอบการรายย่อยได้เห็นภาพรวมของตลาด Cross Border e-Commerce เพื่อนำไอเดียและความต้องการของผู้บริโภคมาพัฒนาสินค้าของตนนำไปจำหน่ายในอนาคต
โดยเริ่มแรกกรมฯ ได้ปักหมุดจัดตั้งร้านค้า TOPTHAI บนแพลตฟอร์ม e-Commerce ชั้นนำในประเทศที่มีมูลค่าการค้าปลีกออนไลน์อันดับ 1 และ 2 ของโลกก่อน ด้วยการตั้งร้านบนแพลตฟอร์ม Tmall ในจีน
ตัวอย่างร้านค้า TOPTHAI บน Tmall ในจีน
Amazon ในสหรัฐอเมริกา
ตัวอย่างร้านค้า TOPTHAI บน Amazon ในอเมริกา
และตามมาด้วยแพลตฟอร์ม Bigbasket ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มอันดับต้นๆ ในประเทศอินเดีย ถึงแม้ตลาด e-Commerce ของอินเดียจะเป็นอันดับ 9 ของโลก แต่เป็นหนึ่งในตลาดที่มีการขยายตัวสูงที่สุดในโลก
ตัวอย่างร้านค้า TOPTHAI บน Bigbasket ในอินเดีย
นอกจากนี้ กรมฯ ยังได้ขยายร้าน TOPTHAI ไปยังตลาดในภูมิภาคสำคัญอื่นๆ ที่มีความนิยมสินค้าไทยเป็นอันดับต้นๆ อย่างในตลาดไต้หวันโดยผ่านแพลตฟอร์ม PChome
ตัวอย่างร้านค้า TOPTHAI บน PChome ในไต้หวัน
กิจกรรมสนับสนุนแคมเปญร้านค้า TOPTHAI บน PChome ในไต้หวัน
ตามด้วยตลาดอาเซียน ผ่านแพลตฟอร์มชั้นนำอย่าง Shopee ซึ่งครอบคลุมพื้นที่ในตลาดประเทศมาเลเซีย อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์
ตัวอย่างร้านค้า TOPTHAI บน Shopee ในมาเลเซีย อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์
แพลตฟอร์ม Blibli ในตลาดอินโดนีเซีย
ตัวอย่างร้านค้า TOPTHAI บน Blibli ในอินโดนีเซีย
ตลาดเพื่อนบ้านสำคัญอย่างกัมพูชาซึ่งเป็นตลาดที่มีความคุ้นเคยและนิยมในสินค้าไทยอยู่แล้ว ผ่านแพลตฟอร์ม Klangthai ปัจจุบัน ร้าน TOTHAI เปิดดำเนินการแล้วบน 7 แพลตฟอร์ม ใน 9 ประเทศ ครอบคลุมในกลุ่มสินค้าตั้งแต่ อาหารเครื่องดื่ม / สุขภาพและความงาม / ผลไม้และผลไม้แปรรูป / ไลฟ์สไตล์ และของแต่งบ้าน เป็นต้น และในอนาคต กรมฯ มีแผนจะขยายโมเดลนี้ ไปยังตลาดศักยภาพอื่น ไม่ว่าจะเป็นตลาดสำคัญในภูมิภาคเอเชีย ยุโรป และตะวันออกกลาง ผ่านความร่วมมือกับแพลตฟอร์มชั้นนำ อาทิ eBay Lazada Abouthai และ PINKOI และขยายกลุ่มสินค้าให้ครอบคลุมไปยังกลุ่มสินค้าใหม่ๆ ที่มีศักยภาพ ไม่ว่าจะเป็น กลุ่มสินค้าฮาลาล / กลุ่มสินค้า BCG / กลุ่มสินค้า Future Food และกลุ่มสินค้าประเภทงานดีไซด์ เป็นต้น
การริเริ่มการจัดตั้งร้าน TOPTHAI ถือเป็นก้าวสำคัญของความสำเร็จของกรมฯ ในการสร้างความแตกต่าง โดดเด่น และน่าจดจำให้กับสินค้าไทยบนแพลตฟอร์มชั้นนำ และยังเป็นโมเดลที่ช่วยให้ผู้ประกอบการไทยได้มีโอกาสทดลองตลาด ช่วยลดต้นทุนในการดำเนินการ ช่วยเสริมภาพลักษณ์ที่น่าเชื่อถือของสินค้าไทยและกระตุ้นการส่งออก นอกจากโมเดลในรูปแบบการเปิดร้าน TOPTHAI แล้ว กรมฯ ยังส่งเสริมการขายสินค้าไทยในลักษณะแคมเปญ TOPTHAI ที่จะช่วยสร้างความโดดเด่นให้กับสินค้าไทยท่ามกลางสินค้าคู่แข่งอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็น
• การไลฟ์สดข้ามประเทศในช่วงเวลา prime time โดยท่านรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ (นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์) เพื่อส่งเสริมการขายผลไม้และสินค้าอาหารไทย และเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือและความเชื่อมั่นไปยังผู้บริโภคชาวจีน บนแพลตฟอร์ม Tmall ในช่วงมหกรรมอีคอมเมิร์ซใหญ่ 6.18 ประจำปีของประเทศจีน โดยระหว่างการไลฟ์สด ในเวลา 15 นาที มีผู้ชมชาวจีนรับชมไลฟ์สดบนแพลตฟอร์ม Tmall จำนวนกว่า 8.3 ล้านราย ยอดการกดไลค์จำนวน 16 ล้านครั้ง โดยบริษัท อาลีบาบา กรุ๊ป ได้มีการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการส่งเสริมการขายสินค้าผลไม้ไทยและอาหาร ตลอดจนกิจกรรม Live-streaming ผ่านสื่อออนไลน์ และสื่อ Social Media ซึ่งสามารถเข้าถึงผู้บริโภคโดยตรงกว่า 120 ล้านคน
• การจัดแคมเปญโปรโมทสินค้าไทยในช่วงการเปิดตัวร้าน TOPTHAI บน แพลตฟอร์ม Amazon ผ่านการสร้างเรื่องราวและทำการตลาดดิจิทัลอย่างต่อเนื่องทำให้มียอดขายเติบโตถึง 4 เท่า และและมียอดผู้ซื้อที่เข้ามาชมหน้าราน TOPTHAI กว่า 307,000 ครั้ง โดยในจำนวนนี้มี Conversion rate หรือ จำนวนผู้ซื้อที่เข้ามาดูสินค้าในร้านและตัดสินใจซื้อสินค้าเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 8 เป็นร้อยละ 22 ซึ่งถือว่าสูงกว่ามาตรฐานทั่วไป ที่จะอยู่ที่ร้อยละ 12-14 ถึงแม้จะดำเนินการเปิดร้านได้เพียง 6 เดือน
• ร้านป้าแกลบทุเรียนทอด คืออีกหนึ่งผู้ประกอบการ SMEs ในกลุ่มสินค้า OTOP จากที่เข้าร่วมโครงการ TOPTHAI เพื่อนำสินค้าเข้าไปขายบนแพลตฟอร์ม Shopee ในตลาดมาเลเซีย จนสามารถพลิกวิกฤติในช่วงโควิด ให้อยู่รอดและเติบโต และยังคงมียอดขายจากต่างประเทศเข้ามาอย่างต่อเนื่อง
จะเห็นได้ว่าโครงการ TOPTHAI เป็นโอกาสครั้งสำคัญที่ผู้ประกอบการไทยไม่ควรพลาด เพราะเป็นเสมือนจุดเริ่มต้นสำคัญที่จะช่วยเชื่อมโยงสินค้าไทยไปยังตลาดขนาดใหญ่ทั่วโลกได้
สำหรับผู้ประกอบการที่สนใจเข้าร่วมเป็นหนึ่งในสมาชิกโครงการ TOPTHAI กับกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ในการสร้างโอกาสการขยายตลาดสินค้าไทยผ่านการค้าออนไลน์ไปสู่ตลาดโลก ขอเพียงท่านมีสินค้าไทยและมีคุณสมบัติผ่านเกณฑ์ ดังต่อไปนี้
• จดทะเบียนนิติบุคคลของกระทรวงพาณิชย์
• มีเอกสารรายละเอียดเกี่ยวกับบริษัท (Company Profile)
• มีใบรับรองมาตรฐานสินค้า เช่น อย., GMP, ISO, HACCP, HALAL เป็นต้น
• เป็นสมาชิกของกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ หรือสมาชิก Thaitrade.com (โดยผู้ประกอบการสามารถยื่นสมัครระหว่างการเข้าร่วมโครงการได้)
ทั้งนี้ อาจมีหลักเกณฑ์หรือข้อกำหนดเพิ่มเติมสำหรับการขึ้นขายสินค้าในแต่ละแพลตฟอร์ม*
สนใจสมัครเข้าร่วมโครงการ TOPTHAI หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ได้ที่: http://www.thaitrade.com/topthai