รถยนต์ไฟฟ้ากำลังจะครองตลาดหรือไม่?
ปัจจุบันเราเริ่มเห็นรถยนต์ไฟฟ้าวิ่งตามบนท้องถนน และปฏิเสธไม่ได้ว่าได้กลายเป็นทางเลือกใหม่ของผู้คนในยุคนี้ที่ต้องการความแปลกใหม่ หลีกเลี่ยงรถยนต์ที่ใช้น้ำมัน ซึ่งราคาน้ำมันตอนนี้พุ่งสูงจากเมื่อก่อนเป็นอย่างมาก และไม่มีทีท่าจะลดลงกลับมาอยู่ในระดับเดิม จากปัจจัยต่าง ๆ
ดังนั้น การมองทางเลือกใหม่ ๆ อย่าง “รถยนต์ไฟฟ้า” ก็ไม่ได้เสียหายอะไร
แน่นอนข้อดีลำดับต้น ๆ ของ “รถยนต์ไฟฟ้า” นั่นคือการประหยัดค่าใช้จ่ายเมื่อเทียบกับรถยนต์เครื่องยนต์สันดาป ตลอดจนประหยัดพลังงาน และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม แถมมีราคาไม่ต่างรถยนต์ที่ใช้น้ำมันสักเท่าไหร่นัก อีกทั้ง “รถยนต์ไฟฟ้า” ถูกคาดการณ์ว่าจะเข้ามาแทนที่รถยนต์สันดาปในอนาคตอย่างแน่นอน สอดคล้องกับรายงานของ Goldman Sach ที่มองว่าภายในปี 2035 รถยนต์ไฟฟ้าจะมีสัดส่วนประมาณ 50% ของยอดขายรถยนต์ใหม่ทั่วโลก และยอดขายจะเพิ่มเป็นประมาณ 73 ล้านคันในปี 2040
นอกจากนี้ ด้วยกระแสความนิยมของ “รถยนต์ไฟฟ้า” ที่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้ภาครัฐเล็งเห็นความสำคัญ ออกมาตรการเพื่อดึงดูดให้คนมาใช้รถยนต์ไฟฟ้ามากขึ้น และส่งเสริมผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าซึ่งจะมีผลต่อระบบเศรษฐกิจ
Smartsme จะพามาสำรวจแบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย ได้แก่ Tesla-BYD-Ora ว่ามีรุ่นอะไรที่น่าสนใจน่าจับจองซื้อมาเป็นเจ้าของบ้าง
Tesla
Model 3
-แบตเตอรี่ รุ่น Standard Range
– วิ่งได้สูงสุด 629 กม. ต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง
– เพิ่มระยะทางได้สูงสุด 282 กม. ในเวลาเพียง 15 นาที ที่หนึ่งใน Supercharger ที่มีให้บริการทั่วโลกมากกว่า 50,000 เครื่อง
– เสียบปลั๊กชาร์จได้ตาม โรงแรม สวนสาธารณะ หรือที่อื่น ๆ
– ราคา 1,599,000 บาท
BYD
BYD SEAL
– ระยะทางวิ่งสูงสุด 580 กม.
– รับประกันแบตเตอรี่นาน 8 ปี หรือ 160,000 กม.
– ราคาเริ่มต้นที่ 1,325,000 บาท
GMW
ORA GOOD CA
– วิ่งได้ 500 กม. ต่อ 1 ชาร์จ
-ความเร็วสูงสุด 152 กม./ชั่วโมง
– ราคาเริ่มต้น 828,500 บาท
นี่เป็นแค่รถยนต์ไฟฟ้าบางส่วนเท่านั้น โดยแต่ละแบรนด์ยังมีรุ่นรถยนต์ไฟฟ้าที่น่าสนใจ เหมาะกับผู้ใช้ให้เลือกซื้อ ในส่วนของคำถามที่ว่า หากจะซื้อรถยนต์ไฟฟ้าตอนนี้คุ้มค่าหรือไม่? ซึ่งเรื่องนี้มีหลายประเด็นให้เราได้พิจารณาหลายเรื่องด้วยกัน
เรื่องแรก แม้ว่ารถยนต์ไฟฟ้าจะได้รับความนิยม และเป็นเทรนด์ที่กำลังมา แต่ด้วยความใหม่ อยากให้ผู้ที่อยากจะซื้อสำรวจสถานีชาร์จให้ดีเสียก่อนว่ามีที่ไหนบ้าง ซึ่งตอนนี้ก็เริ่มมีผู้ที่เกี่ยวข้องเริ่มเปิดสถานีชาร์จให้บริการตามปั๊มน้ำมัน, ห้างสรรพสินค้า แต่ควรวางแผนการเดินทางให้ดี คำนวณระยะทางวิ่งของรถยนต์ไฟฟ้าให้ดี เพื่อไม่ให้เกิดปัญหา โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากต้องเดินทางไปต่างจังหวัด เพราะไม่ใช่ทุกปั๊มน้ำมันจะมีสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า
เรื่องที่สอง ผู้ซื้อต้องอย่าลืมไปดูรายละเอียดนโยบายส่งเสริมยานยนต์ไฟฟ้าของภาครัฐฯ ที่จะสิ้นสุดลง เช่น การลดอากรขาเข้ารถยนต์ที่ผลิตต่างประเทศ และนำเข้าทั้งคัน (CBU) สูงสุด 40% สำหรับรถยนต์ ถึงปี 2566 ซึ่งอาจจะส่งผลต่อราคารถยนต์ไฟฟ้าที่เกิดการเปลี่ยนแปลงได้
เรื่องที่สาม แต่เมื่อความคุ้มค่าแล้ว “รถยนต์ไฟฟ้า” ก็มีความน่าสนใจอยู่ไม่ใช่น้อย ทั้งในเรื่องความประหยัดของเรื่องค่าใช้จ่ายที่ชาร์จไฟแทนที่การเติมน้ำมัน ตลอดจนการเป็นเทรนด์อุตสาหกรรมยานยนต์ที่มาแรงในอนาคต ซึ่งตอนนี้หลายแบรนด์ผู้ผลิตรถยนต์นอกเหนือจากที่กล่าวไปข้างต้น เริ่มหันมาให้ความสนใจที่จะผลิตรถยนต์ไฟฟ้าเพื่อรองรับความต้องการของตลาดนี้
เรียกได้ว่าต่อไป ศูนย์ให้บริการซ่อม, สถานีชาร์จ คงมีไม่ต่างจากรถยนต์ที่ใช้น้ำมันอย่างแน่นอน
ที่มา: tesla, byd, gwm