ทำไม 7-Eleven ถึงปิดสาขาเกือบ 450 แห่งในสหรัฐฯ และแคนาดา
7-Eleven ประกาศจะปิดร้านค้าหลายร้อยแห่งทั่วสหรัฐฯ และแคนาดา ด้วยเหตุผลเรื่องต้นทุนที่สูงขึ้น และพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป
Joe DePinto ซีอีโอและประธานเซเว่น-อีเลฟเว่น ประกาศว่าบริษัทจะปิดร้านค้าจำนวน 444 แห่ง โดยเครือร้านสะดวกซื้อนี้อยู่ภายใต้บริหารของบริษัท Seven&I Holding ของประเทศญี่ปุ่น
อีเมลที่แถลงออกมาจากบริษัทยืนยันว่าบริษัทได้ยืนยันถึงการปิดร้านสะดวกซื้อจริง โดยมีรายละเอียดว่ากลยุทธ์การเติบโตระยะยาวของเรา ซึ่งมีการตรวจสอบ และปรับปรุงพอร์ตโฟลิโออย่างต่อเนื่อง เพื่อมอบความสะดวกสบายให้แก่ลูกค้า ทุกที่ ทุกเวลา ในรูปแบบที่ลูกค้าต้องการ เช่นเดียวกับการดำเนินการในครั้งนี้ก็เป็นตามแนวทางที่ไม่ตอบสนองกลยุทธ์การเติบโตของธุรกิจ ขณะเดียวกัน เรายังคงเปิดร้านค้าในพื้นที่ที่ลูกค้าต้องการความสะดวกสบายมากขึ้น
DePinto ให้เหตุผลว่าช่วงครึ่งปีแรกเป็นเวลาที่ท้าทาย เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจมหภาค และแนวโน้มการพัฒนาอุตสาหกรรม นอกจากภาวะเงินเฟ้อแล้ว มีการตั้งข้อสังเกตว่าธุรกิจร้านสะดวกซื้อยังได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงจากยอดขายบุหรี่ที่ลดลงอย่างมาก
“ตั้งแต่ ม.ค. ถึง มิ.ย. เราค่อย ๆ ปรับปรุงยอดขายในแต่ละเดือน ไม่รวมบุหรี่ โดยสังเกตว่ายอดขายบุหรี่ในสหรัฐฯ ร่วงลง 26% ตั้งแต่ปี 2019 เนื่องจากพฤติกรรมผู้สูบบุหรี่ไม่เหมือนเดิม ทั้งเลิกหรือเปลี่ยนไปใช้ผลิตภัณฑ์นิโคตินอื่นแทน” DePinto กล่าว
ปัจจุบัน เซเว่นได้ปรับตัวเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคยุคใหม่ที่แสวงหาความสดใหม่, อาหาร-เครื่องดื่มคุณภาพสูง โดยบริษัทมีเป้าหมายที่จะปรับเปลี่ยนแนวทางให้บริการสินค้าบนชั้นวาง และพื้นที่บริการตนเอง โดยสินค้าหมวดอาหารแซงหน้าบุหรี่ และกลายเป็นหมวดหมู่ที่ใหญ่ที่สุดของร้านซึ่งบริษัทได้ลงทุนอย่างหนักในโปรแกรม0ปรับปรุงอาหาร และเครื่องดื่มที่มีความทันสมัยเพื่อใช้ประโยชน์จากการเปลี่ยนแปลงนี้
“การขยายผลิตภัณฑ์ที่เป็นกรรมสิทธิ์ของเราถือเป็นส่วนสำคัญในอนาคตของเรา โดยแพลตฟอร์มนี้จะเสนออาหารร้อน และเครื่องดื่มพิเศษที่มีความหลากหลายยิ่งขึ้นให้กับลูกค้าของเรา” DePinto กล่าว
นอกจากนี้ ยังมีการปรับปรุงอาหาร และเครื่องดื่มของร้าน ตลอดจนรายการอาหารที่ต้องอบในร้านที่ให้บริการตัวเอง และการเพิ่มเครื่องดื่ม เช่น เอสเพรสโซ, คาปูชิโน, กาแฟเย็น และลาเต้ อีกทั้ง บริษัทได้ปรับปรุงเมนูอาหารเพิ่มโดยเพิ่มอาหารญี่ปุ่นเข้ามาให้มีความสอดคล้องกับบริษัทแม่มากขึ้น
ที่มา: today
เรื่องที่เกี่ยวข้อง