ธุรกิจโฆษณา

จับตา! ธุรกิจโฆษณาปี 2568 สื่อดิจิทัลพุ่ง อินฟลูเอนเซอร์ตัวแปรหลัก

MI GROUP คาดการณ์ว่าในปี 2568 เม็ดเงินธุรกิจโฆษณาและการสื่อสารการตลาดจะเพิ่มขึ้น 4.5% รวมเป็น 92,048 ล้านบาท โดยมีปัจจัยหลักจากการเติบโตของสื่อดิจิทัลและโซเชียลมีเดียที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 16% ทำให้สื่อดิจิทัลครองอันดับหนึ่งเป็นปีที่สองติดต่อกัน มูลค่าการใช้จ่ายออนไลน์รวมถึง 38,938 ล้านบาท ขณะที่สื่อนอกบ้านมีการเติบโต 10% ส่วนสื่อดั้งเดิมยังคงลดลงอย่างต่อเนื่อง ในปีนี้ สื่อดิจิทัล โทรทัศน์ และสื่อนอกบ้านยังคงมีบทบาทสำคัญในการทำการตลาด โดยสัดส่วนสื่อดิจิทัลอยู่ที่ 45% และสื่อออฟไลน์รวมอยู่ที่ 55%

โอกาสในปี 2568
นายภวัต เรืองเดชวรชัย ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท มีเดียอินเทลลิเจนซ์กรุ๊ป จำกัด กล่าวว่า ปี 2568 เป็นปีที่ท้าทายแต่เต็มไปด้วยโอกาสสำหรับธุรกิจและผู้ประกอบการ โอกาสเหล่านี้มาจากการเติบโตของเทคโนโลยี AI และอุตสาหกรรมดิจิทัลใหม่ ๆ เช่น ธุรกิจ Data Center และ Cloud Service ที่มีแผนลงทุนในประเทศไทย นอกจากนี้ การฟื้นตัวของการท่องเที่ยวทั้งในประเทศและจากนักท่องเที่ยวต่างชาติก็เป็นปัจจัยสนับสนุน

การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ (Wellness Tourism) และการท่องเที่ยวเชิงธุรกิจอีเวนท์ (MICE) ของไทยกำลังเติบโต มาตรฐานการแพทย์ระดับสากลของไทยจะดึงดูดนักท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ (Medical Tourists) มากขึ้น นอกจากนี้ นโยบายสมรสเท่าเทียมอาจเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยว LGBTQ+ และทำให้ไทยเป็นจุดหมายปลายทางสำหรับการจัดงานแต่งงาน (Wedding Destination) นอกจากนี้ Soft Power ของไทย โดยเฉพาะเนื้อหาทางวัฒนธรรม เช่น T-Pop วงการบันเทิง วัฒนธรรมสายวาย (BL) และยูริ (GL) รวมถึงอาหารและแฟชั่นไทย กำลังได้รับความสนใจในตลาดสากล

อินฟลูเอนเซอร์ แรงขับเคลื่อนอุตสาหกรรมโฆษณา
ในสื่อดิจิทัล การใช้ “อินฟลูเอนเซอร์” บนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียมีสัดส่วนที่ใหญ่ที่สุด คาดว่าในปีนี้ จำนวนอินฟลูเอนเซอร์ในไทยจะเพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 3 ล้านคน หรือประมาณ 4.5% ของประชากรไทย การเติบโตนี้มาจากกลุ่มไมโครและนาโนอินฟลูเอนเซอร์ เช่น ผู้ใช้จริง (KOC) และพ่อค้าแม่ค้าที่เข้าร่วมการตลาดแบบพันธมิตร (Affiliate Marketing) กับแพลตฟอร์มต่าง ๆ ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ผู้ประกอบการและแบรนด์มุ่งเน้นการสื่อสารการตลาดเพื่อเพิ่มยอดขายโดยตรง (Lower Funnel Marketing) ซึ่งเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้การใช้อินฟลูเอนเซอร์เติบโตสูง ในขณะที่การสื่อสารการตลาดที่มุ่งเน้นการรับรู้และการสร้างแบรนด์ (Thematic Ad) ยังคงมีความสำคัญแต่เป็นรอง

กลุ่มสินค้าและบริการที่คาดว่าจะใช้งบสื่อสารการตลาดเพิ่มขึ้นในปีนี้ ได้แก่

• สินค้าและบริการเกี่ยวกับการท่องเที่ยวและการพักผ่อนหย่อนใจ เช่น โรงแรม สายการบิน แพลตฟอร์มและแอปพลิเคชันท่องเที่ยว
• ประกันชีวิต ประกันสุขภาพ และโบรกเกอร์ประกัน
• วิตามิน อาหารเสริม และยา
• โฆษณาจากภาครัฐ
• การขนส่ง เช่น บริการส่งอาหาร ส่งพัสดุ
• อาหารและสินค้าเพื่อสัตว์เลี้ยง
• สถาบันการเงินที่ไม่ใช่ธนาคาร

กลุ่มสินค้าและบริการที่คาดว่าจะใช้งบสื่อสารการตลาดลดลงในปีนี้ ได้แก่

• E-Marketplace เช่น Shopee, Lazada
• เครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ เช่น น้ำอัดลม กาแฟ
• ร้านอาหาร
• ของใช้ในชีวิตประจำวัน เช่น สบู่ ยาสีฟัน
• ผลิตภัณฑ์เพื่อการเกษตร

แม้ว่าจะมีโอกาสมากมาย แต่ปัจจัยลบที่ต้องจับตามองในปี 2568 ก็ยังมีอยู่ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการเติบโตของธุรกิจและเม็ดเงินโฆษณา ดังนี้

• ภาวะเศรษฐกิจโลกที่เปราะบาง – หลายประเทศที่เป็นคู่ค้าหลักของไทยยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่จากวิกฤตเศรษฐกิจที่ผ่านมา อัตราดอกเบี้ยที่สูงในสหรัฐฯ และยุโรป อาจกระทบต่อการค้าและการลงทุนของไทย
• การบริโภคและการลงทุนภาคเอกชนยังไม่เต็มที่ – แม้จะมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจากภาครัฐ แต่ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคและนักลงทุนอาจต้องใช้เวลาในการฟื้นตัว
• การแข่งขันจากจีนและตลาดโลก – สินค้าจากจีนยังคงทะลักเข้าสู่ตลาดไทย ส่งผลให้ผู้ประกอบการในประเทศต้องเผชิญกับการแข่งขันที่รุนแรงขึ้น
• ความท้าทายของ SME ไทย – ธุรกิจขนาดเล็กและกลาง (SME) ของไทยยังขาดความพร้อมในด้านเทคโนโลยีและดิจิทัล รวมถึงข้อจำกัดด้านเงินทุน ซึ่งอาจทำให้การแข่งขันในตลาดยุคใหม่เป็นเรื่องยากขึ้น
• ความไม่แน่นอนทางการเมืองและนโยบายภาครัฐ – การเปลี่ยนแปลงทางการเมืองและนโยบายเศรษฐกิจของไทยอาจมีผลต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุน และอาจส่งผลต่อแผนการใช้จ่ายของภาคเอกชน

ปี 2568 จะเป็นปีที่เต็มไปด้วยโอกาสจากการเติบโตของ สื่อดิจิทัล AI และเทคโนโลยีใหม่ ๆ รวมถึง การท่องเที่ยวที่ฟื้นตัว และ Soft Power ของไทยที่ขยายตัวในระดับสากล ในขณะเดียวกัน ธุรกิจยังต้องเผชิญกับความท้าทายจากภาวะเศรษฐกิจโลก การแข่งขันที่รุนแรงจากจีน และข้อจำกัดของ SME ไทยในการเข้าถึงเทคโนโลยีและแหล่งเงินทุน

ธุรกิจที่ต้องการเติบโตในปี 2568 ควรเน้นการปรับตัวให้ทันกับกระแสดิจิทัล ใช้กลยุทธ์การตลาดที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูล (Data-Driven Marketing) และสร้างความแตกต่างให้กับแบรนด์ผ่านช่องทางออนไลน์และอินฟลูเอนเซอร์ รวมถึงการจับกระแสตลาดใหม่ เช่น การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับ Soft Power และอุตสาหกรรมเทคโนโลยี AI ซึ่งคาดว่าจะเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญของเศรษฐกิจไทยในปีหน้า