โครงการคนละครึ่ง

ไม่แน่จริงไม่กลับมา! โครงการคนละครึ่งรีเทิร์น สูตรสำเร็จกู้วิกฤต SME ให้ฟื้นตัว

โครงการคนละครึ่งกำลังถูกปัดฝุ่นนำกลับมาทำอีกครั้งภายใต้ของรัฐบาลอนุทิน ชาญวีรกูล เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจแบบทันด่วน ส่งเสริมให้ประชาชนจับจ่ายใช้สอยกันมากขึ้น

 

ทำไม “คนละครึ่ง” ถึงฟื้นคืนชีพกลับมาอีกครั้ง นี่เป็นคำถามที่ชวนหาคำตอบ ว่าการกลับมาครั้งนี้จะช่วยปลุกกำลังซื้อ ดันยอดขายให้กับผู้ประกอบการ SME รวมถึงฟื้นฟูธุรกิจได้มากน้อยแค่ไหน Smartsme จะพามาหาคำตอบกันใน 4 มิติ สำคัญ ดังนี้

 

  1. มุมมองของผู้ประกอบการ SME

“คนละครึ่ง” เป็นมาตรการที่กระตุ้นการบริโภคได้อย่างมีประสิทธิภาพที่สุดตัวหนึ่ง เพราะช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายให้ผู้ซื้อ ทำให้ผู้คนกล้าใช้จ่ายมากขึ้น และมุ่งเป้าไปยังร้านค้าขนาดเล็กโดยตรง ไม่เพียงเท่านั้น ร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการยังได้ลูกค้าใหม่ ๆ ที่ไม่เคยมาซื้อ หรือใช้บริการมาก่อน สร้างความคึกคักในการขายของเป็นอย่างดี ทำให้ผู้ประกอบการมีความหวัง และกล้าที่จะลงทุนในสภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว

 

 

นอกจากนี้ ด้วยความที่เป็นโครงการที่เคยดำเนินการมาแล้ว จึงทำให้ระบบ หรือฐานข้อมูลมีการลงทะเบียนอยู่แล้ว จึงช่วยลดขั้นตอนดำเนินการให้กับร้านค้าที่ไม่ต้องไปลงทะเบียนซ้ำอีกครั้ง

 

  1. มุมมองของประชาชน

ประชาชนเป็นกลุ่มที่ได้รับประโยชน์โดยตรงจากโครงการนี้ เพราะช่วยประหยัดเงินในกระเป๋าได้ถึง 50% (เงื่อนไขเดิม) ของค่าใช้จ่ายในแต่ละวัน และเงินที่ประหยัดไปสามารถนำไปซื้อสินค้า หรือบริการอื่น ๆ เพิ่มเติมได้ ทำให้เกิดการหมุนเวียนเงินในระบบเศรษฐกิจ

 

  1. มุมมองของเศรษฐกิจโดยรวม

เม็ดเงินจากโครงการนี้จะกระจายตัวไปตามร้านค้าต่างๆ ทั่วประเทศ โดยเฉพาะร้านค้าขนาดเล็กในชุมชน ทำให้เศรษฐกิจในระดับท้องถิ่นเกิดการหมุนเวียนอย่างรวดเร็ว เช่นเดียวกับเป็นการฟื้นกำลังซื้อของประชาชนที่เพิ่มขึ้น ทำให้ยอดขายของร้านค้าเพิ่มขึ้นตามมา เกิดการผลิตและจ้างงานเพิ่มขึ้นในระบบห่วงโซ่อุปทาน

 

  1. มุมมองของรัฐบาล

โครงการนี้เคยพิสูจน์ความสำเร็จมาแล้ว เป็นที่ยอมรับจากประชาชนอย่างกว้างขวาง ดังนั้น การคัมแบ็คกลับมาใหม่จึงเป็น “สูตรสำเร็จ” ที่ไม่ต้องลองผิดลองถูก ตามโจทย์ความต้องการของประชาชนที่อยากให้รัฐบาลช่วยเหลือเรื่องค่าครองชีพอย่างเร่งด่วน เกิดความเชื่อมั่นที่จะแก้ปัญหาอย่างจริงจัง แม้จะใช้งบประมาณ แต่ต้องไม่ลืมว่าโครงการนี้รัฐบาลจ่ายแค่ 50% แต่ประชาชนจ่าย 50% ของการซื้อสินค้า ทำให้งบประมาณมีประสิทธิภาพกับการลงเงินไปในครั้งเดียว เกิดเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจทันที

 

การนำ “โครงการคนละครึ่ง” กลับมาใช้ จึงไม่ใช่แค่การกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่เป็นการตัดสินใจเชิงกลยุทธ์ที่ครบเครื่อง ทั้งในด้านเศรษฐกิจ การเมือง และสังคม เนื่องจากเป็นมาตรการที่ทุกภาคส่วนได้รับประโยชน์ร่วมกัน และเป็นเครื่องมือที่พิสูจน์แล้วว่าใช้งานได้จริงในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานราก และฟื้นฟูความเชื่อมั่นในยามที่เศรษฐกิจเผชิญความท้าทาย

 

ทั้งนี้ รายงานข่าวจากกระทรวงการคลัง ระบุว่าหากนโยบายมีความชัดเจน และถูกสั่งการจากระดับสูง จะใช้ระยะเวลาไม่เกิน 30-40 นาที ซึ่งจะเริ่มโครงการได้ในช่วงเดือนตุลาคมนี้

 

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ