อินเดียไม่ใช่ม้ามืด

อินเดียไม่ใช่ม้ามืดอีกต่อไป เพราะนี่คือประเทศเศรษฐกิจใหญ่อันดับ 4 ของโลก

อินเดียไม่ใช่ม้ามืดเพราะสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ ก้าวขึ้นเป็นประเทศเศรษฐกิจที่ใหญ่เป็นอันดับ 4 ของโลก อย่างเป็นทางการแซงหน้าญี่ปุ่น นับเป็นครั้งแรกที่อินเดียสามารถทำได้สำเร็จ สะท้อนให้เห็นถึงการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ก้าวกระโดดและศักยภาพอันแข็งแกร่งในเวทีโลก

รายงานแนวโน้มเศรษฐกิจโลก Word Economic Outlook ฉบับเดือนเมษายน ของกองทุนระหว่างประเทศ (IMF) ระบุว่าอินเดียก้าวขึ้นมาเป็นประเทศที่เศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 4 ของโลกในปี 2568 แซงหน้าญี่ปุ่นเป็นที่เรียบร้อย โดยมีผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) คิดเป็นมูลค่า 4,187 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ซึ่งสูงกว่าญี่ปุ่นที่มีมูลค่า 4,186 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ขณะที่อันดับ 1 ยังคงเป็นสหรัฐฯ ที่มีมูลค่าผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) อยู่ที่ 30,507 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

ไม่เพียงเท่านั้น อินเดียยังตั้งเป้าหมายที่จะเป็นประเทศเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 3 ของโลก ภายในระยะเวลา 3 ปีข้างหน้า ตามคำกล่าวของ นายบี.วี.อาร์. สุพรามันยม (B.V.R. Subrahmanyam) ประธานเจ้าหน้าที่บริหารแห่งองค์กรนโยบายแห่งชาติของอินเดีย (National Institution for Transforming India: NITI Aayog) ที่เชื่อมั่นว่าหากกลยุทธ์ทางเศรษฐกิจในปัจจุบันยังดำเนินการอย่างต่อเนื่องก็มีสิทธิ์ที่จะเป็นไปได้

 

 

ปัจจัยการสนับสนุนให้เศรษฐกิจอินเดียเติบโตอย่างต่อเนื่องมาจากหลายปัจจัยด้วยกัน

1.การบริโภคที่แข็งแกร่งจากแรงหนุนของอุปสงค์ภายในประเทศที่แข็งแกร่ง ทั้งการใช้จ่ายงบประมาณของภาครัฐฯ และการปฏิรูปโครงสร้างที่ทำมาอย่างต่อเนื่อง

2.ภาคบริการของอินเดีย ไม่ว่าจะเป็น เทคโนโลยีสารสนเทศ การเงิน และการค้า ที่เป็นหัวใจสำคัญของการขับเคลื่อนเศรษฐกิจอินเดีย ดูได้จาก GDP ที่ครองสัดส่วนถึง 54% (เกินครึ่งหนึ่ง)

3.การฟื้นตัวของภาคชนบท โดยอุปสงค์ในชนบทที่กำลังฟื้นตัว อัตราภาษีที่ลดลง การลดดอกเบี้ย ฤดูมรสุมที่เอื้ออำนวย เหล่านี้สามารถกระตุ้นกิจกรรมทางเศรษฐกิจได้เป็นอย่างดี

4.วิสัยทัศน์ “Viksit Bharat @ 2047” ขององค์กรนโยบายแห่งชาติของอินเดีย (NITI Aayog) ที่กำหนดแผนงานผลักดันให้ประเทศมีขนาดเศรษฐกิจถึง 30 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ภายในปี 2047 โดยเน้น 4 เสาหลัก ได้แก่ ความมั่นคงทางเศรษฐกิจมหภาค การเสริมพลังแก่ประชาชน การเติบโตอย่างยั่งยืน และนวัตกรรมด้านเทคโนโลยี

นอกจากนี้ อินเดียยังมีอัตราการเพิ่มขึ้นของผู้ประกอบการภายในประเทศที่สร้างธุรกิจสตาร์ทอัพได้มากกว่า 111 ยูนิคอร์น ทำให้สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจกว่า 350 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งสะท้อนให้เห็นโอกาสทางด้านธุรกิจของอินเดียเป็นอย่างมาก

 

 

โอกาสของผู้ประกอบการไทยรุกตลาดอินเดีย

ผู้ประกอบการไทยที่มองโอกาสที่จะเข้าไปเจาะตลาดอินเดีย ควรจับตากลุ่มผู้บริโภคยุคใหม่ โดยเฉพาะชนชั้นกลาง และคนรุ่นใหม่ที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยผู้บริโภคเหล่านี้มีพฤติกรรมใกล้เคียงกับชาวไทย ซึ่งสินค้าที่มีโอกาสสูงในตลาดนี้ ได้แก่ อาหาร เครื่องดื่ม เครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ สินค้าแฟชั่น ของตกแต่งบ้าน และสินค้าวัฒนธรรม

นอกจากนี้ การมองหาโอกาสที่จะไปเปิดตลาดในเมืองรองที่กำลังเติบโตทางเศรษฐกิจมีความน่าสนใจไม่ใช่น้อย เช่น เมืองโคอิมบาตอร์ (Coimbatore) เมืองวิศาขปัตนัม เมืองโคชิ เมืองอาห์เมดาบัด เมืองปูเน่ เมืองลักเนาว์ โดยการจับมือกับพาร์ทเนอร์ธุรกิจท้องถิ่นจะช่วยลดความซับซ้อนด้านกฏระเบียบการค้า และเพิ่มโอกาสเข้าถึงผู้บริโภคได้มากขึ้น

อย่างไรก็ตาม การประสบความสำเร็จในตลาดอินเดียได้ ผู้ประกอบการไทยต้องมีความเข้าใจวัฒนธรรมท้องถิ่น เช่น ค่านิยม ศาสนา พฤติกรรมการซื้อ ตลอดจนการสร้างอัตลักษณ์ของสินค้าไทยกับความเป็นมิตรต่อวัฒนธรรมอินเดีย อีกทั้ง เรื่องที่สำคัญไม่แพ้กันคือการใช้ประโยชน์จากข้อตกลงการค้าเสรี ได้แก่ ความตกลงการค้าเสรีไทย–อินเดีย (Thai-India FTA) ความตกลงการค้าเสรีอาเซียน–อินเดีย (ASEAN–India FTA) และกรอบความร่วมมือ BIMSTEC รวมถึงนโยบายเศรษฐกิจของอินเดียที่จะเป็นประโยชน์กับผู้ประกอบการ

มาถึงตรงนี้มองภาพได้ว่าอินเดียไม่ใช่ม้ามืด เพราะนี่คือประเทศที่พลิกโฉมโลกสู่เศรษฐกิจใหญ่อันดับ 4 ของโลก และไม่อาจมองข้ามได้อีกต่อไป

ที่มา: กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ, บลจ.กสิกรไทย, ศูนย์บริการข้อมูลธุรกิจไทย-อินเดีย

 

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ