‘กาแฟพันธุ์ไทย’ แตกไลน์ธุรกิจสู่ก๋วยเตี๋ยวเรือพันธุ์ไทย เข้าสู่ตลาด Street Food มูลค่า 2.6 แสนล้านบาท ตั้งเป้าปี 2569 เปิด 50 สาขา ในกรุงเทพฯ และปริมณฑล
การจัดตั้งบริษัทย่อยใหม่เพื่อรุกตลาดก๋วยเตี๋ยวเรือในครั้งนี้ ถือเป็นกลยุทธ์สำคัญของกลุ่มกาแฟพันธุ์ไทยในการ สร้างความหลากหลายทางธุรกิจ (Diversification) และ ขยายโอกาสในการเติบโต ผ่านโมเดล “ครบจบในที่เดียว” ด้วยการใช้ กลยุทธ์ Brand Extension อาศัยชื่อเสียงและความแข็งแกร่งของแบรนด์ เพื่อสร้างภาพลักษณ์ที่ครอบคลุมทั้งเครื่องดื่มและอาหาร การมุ่งเป้าเข้าสู่ตลาด Street Food ที่มีศักยภาพสูงนี้ สอดคล้องกับการคาดการณ์ของศูนย์วิจัยกสิกรไทย ซึ่งระบุว่า มูลค่าตลาดรวมธุรกิจร้านอาหารและเครื่องดื่มในปี 2568 จะอยู่ที่ 646,000 ล้านบาท และเซกเมนต์ของร้านอาหาร Street Food ที่มีหน้าร้าน จะเติบโต 4.7% หรือมีมูลค่าสูงถึง 261,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นส่วนที่มีมูลค่ามากที่สุดในตลาดร้านอาหารโดยรวม

นอกจากนี้ ด้วยพฤติกรรมผู้บริโภคปัจจุบันที่ให้ความสำคัญกับคุณภาพสินค้า ความแปลกใหม่ ประสบการณ์ที่ได้รับ และราคาที่สมเหตุสมผล ทำให้พันธุ์ไทยมองเห็นช่องว่างและศักยภาพในการขยายฐานธุรกิจและเติบโตในอนาคตได้อย่างชัดเจน
สำหรับ “ก๋วยเตี๋ยวเรือพันธุ์ไทย” สาขาแรกตั้งอยู่ที่รังสิตคลอง 3 เปิดให้บริการเมื่อต้นปี 2568 ที่ผ่านมา เพื่อทดลองโมเดลร้านอาหารแบบผสมผสานที่มีทั้งเครื่องดื่ม เบเกอรี และก๋วยเตี๋ยวเรือในร้านเดียว สร้างประสบการณ์บริโภคที่ครบวงจรและเพิ่มความสะดวกให้ลูกค้า โดยการเลือกทำเลรังสิตคลอง 3 เป็นพื้นที่ที่มีร้านก๋วยเตี๋ยวเรือจำนวนมาก และเป็นที่รู้จัก โดยสาขาแรกมีผลการดำเนินงานที่น่าพอใจ พันธุ์ไทยจึงต้องการขยายสาขาให้ลูกค้าเข้าถึงร้านได้ง่ายขึ้น
ปัจจุบัน ก๋วยเตี๋ยวเรือพันธุ์ไทย เปิดให้บริการ 2 สาขาคือ สาขารังสิตคลอง 3 และสาขาคลองหลวง 8 จ.ปทุมธานี โดยจะเปิดให้บริการสาขาคลองหลวง 3 ในปลายปีนี้
เมื่อวิเคราะห์ถึงการแตกไลน์ธุรกิจในครั้งนี้ นอกจากกลยุทธ์ Brand Extension ที่ใช้ชื่อ “พันธุ์ไทย” ที่ลูกค้าคุ้นเคยอยู่แล้วในการสร้างแบรนด์เพื่อประหยัดต้นทุน, ลดเวลาเข้าสู่ตลาดได้เร็วยิ่งขึ้น รวมถึงทำให้เป็นแบรนด์มีความครอบคลุมทั้งในเรื่องอาหาร และเครื่องดื่มที่มีคุณภาพไม่ได้จำกัดแค่กาแฟอีกต่อไป แต่เป็นการนำเมนูหลักที่คนไทยชื่นชอบอย่างก๋วยเตี๋ยวเรือเพิ่มเข้ามา

อีกทั้งยังเป็นโมเดลธุรกิจที่เรียกว่า One-Stop Service หรือครบจบที่เดียว โดยลูกค้าสามารถจบได้ทั้งมื้ออาหารหลัก คือก๋วยเตี๋ยว และกาแฟ เบเกอรี ของหวาน ไว้ในที่เดียว ตอบโจทย์ความต้องการหลากหลาย เป็นการดึงลูกค้ากาแฟพันธุ์ไทยอาจลองทานก๋วยเตี๋ยว และลูกค้าก๋วยเตี๋ยวอาจสั่งเครื่องดื่มหรือของหวาน ซึ่งเป็นการส่งเสริมการขายระหว่างกัน ตลอดจนการ Co-promotion เชื่อมโยงระหว่างสองแบรนด์ เช่น ส่วนลดก๋วยเตี๋ยวสำหรับสมาชิก Max Card หรือการให้สิทธิพิเศษอื่นๆ ช่วยสร้าง Brand Loyalty และดึงฐานลูกค้าปัจจุบันของ PTG-กาแฟ
การแตกไลน์สู่ก๋วยเตี๋ยวเรือของถือเป็น “การเดินเกมรุก” ที่ชาญฉลาดในเชิงกลยุทธ์ Brand Extension เพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งของพอร์ต Non-Oil และจับตลาด Mass Food ที่ใหญ่มาก อย่างไรก็ตาม ความสำเร็จในระยะยาวจะขึ้นอยู่กับ การควบคุมคุณภาพและรสชาติของก๋วยเตี๋ยวให้ได้มาตรฐานอย่างสม่ำเสมอ เมื่อมีการขยายสาขาอย่างรวดเร็ว รวมถึงการบริหารจัดการความเสี่ยงที่แบรนด์จะถูกเจือจาง
ที่มา: punthaicoffee
เรื่องอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง
Post Views: 51