นับแคล

‘นับแคล’ เมื่อสุขภาพคือแฟชั่น เปลี่ยนเรื่องกินให้เป็นเรื่องง่าย อร่อยได้ไม่ต้องรู้สึกผิด

ในยุคที่เทรนด์สุขภาพไม่ใช่แค่กระแสชั่วคราว แต่เป็นวิถีชีวิต ผู้คนเริ่มตระหนักว่า “You are what you eat” แต่ปัญหาใหญ่ของคนเมืองคือ “เวลา” และ “ความรู้” หลายคนอยากหุ่นดีแต่ทำอาหารไม่เป็น คำนวณสารอาหารไม่ถูก หรือเบื่อรสชาติอาหารคลีนที่จืดชืด นี่คือช่องว่างทางการตลาดขนาดใหญ่ที่แบรนด์

 

‘นับแคล’ ร้านสะดวกซื้อเพื่อสุขภาพที่มองเห็นโอกาส และก้าวเข้ามาเติมเต็มเทรนด์ที่กำลังมานี้ โดยการเปลี่ยนภาพจำของอาหารคลีนให้เข้าถึงง่าย ราคาจับต้องได้ และตั้งใจที่อยากจะลบภาพจำว่าของที่กินแล้วมีประโยชน์ต่อสุขภาพมักจะไม่อร่อย ซึ่งเรื่องนี้ทางร้านให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก

 

เมื่อวิเคราะห์กลยุทธ์ของแบรนด์ ‘นับแคล’ พบว่าจะเน้นไปที่ 3 เสาหลัก ที่ถูกวางไว้อย่างแม่นยำจนเป็นที่จดจำของลูกค้า ดังต่อไปนี้

 

Product Differentiation (ความชัดเจนของสินค้า)

สินค้าภายในร้านจะเน้นไปที่อาหาร, ขนม ที่เป็นประโยชน์ต่อสุขภาพ ตอบโจทย์กลุ่ม Niche Market ไม่ว่าจะเป็น คนออกกำลังกาย, คนลดน้ำหนักที่อยากจะควบคุมการกินอาหารได้อย่างตรงจุด รวมถึงการฉีกกฎอาหารคลีนแบบเดิม ๆ ด้วยการปรุงรสชาติให้มีความอร่อย น่ากิน ผ่านเมนูที่มีความหลากหลายตั้งแต่ข้าวกะเพราไปจนถึงสปาเก็ตตี้ เหล่านี้กลายเป็นลบภาพจำของการกินอาหารคลีนที่ต้องใช้ความอดทน

 

 

Convenience Store Model (โมเดลร้านสะดวกซื้อ)

การมองหาอาหารคลีนที่เป็นประโยชน์ต่อสุขภาพนั้น อาจจะหาซื้อได้ยาก เมื่อเปรียบเทียบกับอาหารทั่วไป ดังนั้นการใช้โมเดล “Health Convenience Store” หรือร้านสะดวกซื้อเพื่อสุขภาพ ที่ออกแบบในลักษณะ Grab & Go ที่ซื้อมาแล้วไป มากกว่าการนั่งกินในร้าน ทำให้บริหารจัดการง่าย ใช้พื้นที่น้อย และตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนเมืองที่เร่งรีบ โดยสาขามักตั้งอยู่ในจุดที่ผู้คนพลุกพล่าน เช่น สถานีรถไฟฟ้า สถานีบริการน้ำมัน

 

 

ด้วยเทรนด์ Aging Society & NCDs ที่ประเทศไทยได้เข้าสู่สังคมผู้สูงอายุอย่างเต็มรูปแบบ และกลุ่มโรค NCDs (เบาหวาน, ความดัน) ที่มีอัตราพุ่งสูงขึ้น รวมถึงการหันมาใส่ใจเรื่องการกินของผู้บริโภคที่ยอมจ่าย เพื่อแลกกับสุขภาพที่ดีขึ้น และลดค่ารักษาพยาบาลในอนาคต และยินดีจ่ายเงินซื้อความสะดวก การมีร้านสะดวกซื้อที่คัดสรรและคำนวณโภชนาการมาให้เสร็จสรรพ จึงตอบโจทย์พฤติกรรมนี้อย่างที่สุด สอดคล้องกับเทรนด์โลกปี 2026 ที่กำลังเดินไปสู่การกินตามความต้องการของร่างกาย ซึ่งการที่ร้านระบุคุณค่าทางโภชนาการชัดเจน จึงช่วยให้ผู้บริโภคออกแบบการกินของตัวเองได้ง่ายขึ้น

 

นี่คือตัวอย่างของการทำธุรกิจที่เริ่มจาก “ความเข้าใจลูกค้า” อย่างแท้จริง โดยเปลี่ยนความยุ่งยากในการดูแลสุขภาพให้กลายเป็นสินค้าที่เข้าถึงง่าย ในวันที่ตลาดสุขภาพยังคงเติบโต ธุรกิจที่มอบทั้ง “สุขภาพ” และ “ความสะดวก” จะยังคงเป็นผู้ชนะในสมรภูมินี้ต่อไป

 

ที่มา: nubkcal, mgronline

 

เรื่องอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง