SME

บสย. เปิดตัว ‘กระบะพี่ มีคลังค้ำ’ หนุน SME เข้าถึงสินเชื่อรถกระบะใหม่

SMEs มีเฮ! “คลัง” เปิดตัวมาตรการ “กระบะพี่ มีคลังค้ำ” เปิดกู้ซื้อรถกระบะใหม่ บสย. ค้ำประกันนาน 7 ปี ฟรีค่าธรรมเนียม กู้สูงสุด 1.5 ล้านบาท เฟสแรกวงเงิน 5 พันล้านบาท หากความต้องการสูงพร้อมขยายเพิ่มทันที หวังพลิกฟื้นอุตสาหกรรมยานยนต์-กระตุ้นเศรษฐกิจไทย เริ่มเปิดรับคำขอตั้งแต่ 1 เม.ย. นี้

ดร.เผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธานเปิดตัวมาตรการ “กระบะพี่ มีคลังค้ำ” พร้อมเปิดเผยว่า รัฐบาลเดินหน้าออกมาตรการ “กระบะพี่ มีคลังค้ำ” เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการเอสเอ็มอีให้สามารถเข้าถึงสินเชื่อเช่าซื้อรถกระบะได้ง่ายขึ้น หลังจากที่สถาบันการเงินเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อในช่วงที่ผ่านมา ส่งผลกระทบต่อภาคธุรกิจโดยเฉพาะผู้ที่ต้องใช้รถกระบะในการประกอบอาชีพ เช่น เกษตรกร ธุรกิจขนส่ง ธุรกิจรับเหมา ค้าขาย และฟู้ดทรัค

 

ด้าน นายสิทธิกร ดิเรกสุนทร กรรมการและผู้จัดการทั่วไป บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) กล่าวว่า มาตรการนี้ของ บสย. ที่ปลดล็อกข้อจำกัดทางการเงินให้กับเอสเอ็มอี และผู้ประกอบการรายย่อย ที่มีความจำเป็นต้องซื้อรถกระบะใหม่ โดย บสย. จะมีบทบาทสำคัญในการช่วยชดเชยความเสี่ยง ด้วยการค้ำประกันสินเชื่อเช่าซื้อรถกระบะใหม่ เพื่อสร้างความมั่นใจให้สถาบันการเงิน (ไฟแนนซ์) ในการปล่อยสินเชื่อ ช่วยเพิ่มโอกาสที่จะได้รับการอนุมัติสินเชื่อ (Approval Rate) ให้กับเอสเอ็มอี และผู้ประกอบการรายย่อยที่มีความจำเป็นต้องใช้รถกระบะเป็นเครื่องมือประกอบอาชีพ เช่น เกษตรกร ธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง ขนส่งสินค้า ค้าขาย และฟู้ดทรัค เป็นต้น

มาตรการนี้คาดว่าจะช่วยให้ 6,250 คัน ได้รับการปล่อยสินเชื่อ และกระตุ้นเศรษฐกิจให้เกิดเงินหมุนเวียนไม่ต่ำกว่า 21,000 ล้านบาท โดยภาครัฐจะช่วยลดความเสี่ยงให้กับสถาบันการเงินผ่านการค้ำประกันสินเชื่อโดย บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) ทำให้เอสเอ็มอีมีโอกาสได้รับการอนุมัติสินเชื่อสูงขึ้น

จุดเด่นมาตรการ “กระบะพี่ มีคลังค้ำ”

ช่วยผู้ประกอบการธุรกิจลดภาระทางการเงิน ด้วยสิทธิประโยชน์ ฟรี! ค่าธรรมเนียมค้ำประกัน 3 ปีแรก โดยรัฐบาล กระทรวงการคลังเป็นผู้ออกค่าธรรมเนียมค้ำประกันให้ ส่วนปีที่ 4-7 คิดค่าธรรมเนียมค้ำประกันต่ำเพียง 1.5% ต่อปี ค้ำประกันนานสูงสุด 7 ปี หรือ 84 งวด วงเงินค้ำประกันสูงสุด 1.5 ล้านบาทต่อราย ภายใต้วงเงินค้ำประกันในระยะแรกจำนวน 5,000 ล้านบาท กลุ่มเป้าหมายคือ เอสเอ็มอี และผู้ประกอบการรายย่อย ที่ขอสินเชื่อเช่าซื้อสำหรับซื้อรถกระบะใหม่เพื่อใช้ในเชิงพาณิชย์ โดยเปิดรับคำขอค้ำประกันตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2568 และสิ้นสุดรับคำขอค้ำประกันภายในวันที่ 30 ธันวาคม 2568 คาดว่าจะช่วยผู้ประกอบการ SMEs ที่ต้องการซื้อรถกระบะใหม่ เข้าถึงสินเชื่อได้กว่า 6,250 ราย ก่อให้เกิดสินเชื่อในระบบกว่า 5,000 ล้านบาท และสร้างผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจไม่ต่ำกว่า 21,000 ล้านบาท นอกจากนี้ ยังช่วยพลิกฟื้นบริษัทผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ในประเทศไทยได้มากกว่า 2,500 บริษัท

 

 

 

พร้อมช่วยเหลือ หากผ่อนชำระค่างวดต่อไม่ไหว

นายสิทธิกร กล่าวว่า มาตรการค้ำประกันสินเชื่อเช่าซื้อ บสย. SMEs PICK-UP อยู่ภายใต้โครงการค้ำประกันสินเชื่อ PGS 11 “บสย . SMEs ยั่งยืน” ดังนั้น ลูกหนี้ SMEs ที่ถือหนังสือค้ำประกัน บสย. จะได้รับความช่วยเหลือในกรณีที่ประสบปัญหาไม่สามารถผ่อนชำระค่างวดต่อได้จนกลายเป็นหนี้เสีย และรถถูกยึดขายทอดตลาดเสร็จสิ้นแล้ว โดยไฟแนนซ์พิจารณาส่งยอดหนี้คงเหลือมาเคลมกับ บสย. ซึ่งลูกหนี้ที่ถูกจ่ายเคลมภายใต้มาตรการนี้ สามารถเข้าร่วมมาตรการปรับโครงสร้างหนี้ “บสย. พร้อมช่วย” หรือ มาตรการ 3 สี ม่วง เหลือง เขียว ที่ออกแบบมาเพื่อรองรับความสามารถในการชำระหนี้ของลูกหนี้ บสย. (เอสเอ็มอีที่ บสย. จ่ายเคลม) ผ่อนยาวสูงสุด 7 ปี ดอกเบี้ย 0% ตัดเงินต้นก่อนตัดดอก

 

สำหรับลูกหนี้ดี มีวินัย สามารถปลดหนี้ได้เร็วขึ้น โดยลดเงินต้นให้สูงสุด 10-15% และพิเศษลดเงินต้น 30% สำหรับลูกหนี้ “กลุ่มเปราะบาง” ที่เงินต้นไม่เกิน 2 แสนบาท เพื่อให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการ ครอบคลุมทุกกลุ่ม พร้อมปรับสิทธิประโยชน์ให้มีความยืดหยุ่น ผ่อนปรนมากยิ่งขึ้น เพื่อช่วยให้เอสเอ็มอีสามารถแก้หนี้ได้เร็วขึ้น ง่ายขึ้น พร้อมฟื้นฟูธุรกิจเดินหน้าต่อได้อย่างยั่งยืน

ขยายวงเงิน หากมีความต้องการสูง

ทั้งนี้ รัฐบาลได้ตั้งวงเงินค้ำประกันระยะแรกที่ 5,000 ล้านบาท ซึ่งหากมีความต้องการสูง กระทรวงการคลังมีแผนขยายวงเงินเพิ่มเติมทันที ตามจำนวนความต้องการ ซึ่งรัฐบาลได้กันวงเงินในส่วนนี้ไว้แล้ว ทั้งก็เพื่อให้ผู้ประกอบการได้รับโอกาสในการเข้าถึงสินเชื่อมากขึ้น และช่วยพลิกฟื้นอุตสาหกรรมยานยนต์ รวมทั้งอุตสาหกรรมที่เกี่ยวเนื่องให้กลับมาขยายตัวได้