Underdog Story

พลังการตลาด Underdog Story พลิกเกมจากแบรนด์รองบ่อนสู่แต้มต่อทางธุรกิจ

Underdog Story คือการเล่าเรื่องการต่อสู้ของแบรนด์หรือสินค้าที่มีสถานะเป็นรอง เล็กกว่า ทรัพยากรน้อยกว่า มีข้อจำกัด หรือเพิ่งเริ่มต้น ที่ต้องเผชิญหน้ากับคู่แข่งที่แข็งแกร่งกว่า หรือเป็นผู้นำตลาด โดยแบรนด์จะเน้นไปที่ความพยายามอย่างหนัก ความมุ่งมั่น การเอาชนะอุปสรรค และการยืนหยัดเพื่อคุณค่าบางอย่าง จนท้ายที่สุดก็สามารถประสบความสำเร็จหรือได้รับความชื่นชม

 

[Underdog Story คืออะไร?]

 

การตลาดแบบ Underdog คือการเล่าเรื่องการต่อสู้ของแบรนด์หรือสินค้าที่มีสถานะเป็นรอง (ตัวเล็ก, ทรัพยากรน้อย, หรือเพิ่งเริ่มต้น) ที่ต้องเผชิญหน้ากับคู่แข่งที่เป็นผู้นำตลาด โดยแคมเปญจะไม่ได้เน้นแค่ฟีเจอร์สินค้า แต่จะเน้นที่ ความพยายามอย่างหนัก ความมุ่งมั่น และอุดมการณ์ที่สูงกว่า เพื่อเอาชนะอุปสรรคและยืนหยัดเพื่อผู้บริโภค แบรนด์จะพาผู้บริโภคเข้าไปร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการเดินทางที่ยากลำบากนั้น จนท้ายที่สุดเมื่อแบรนด์ประสบความสำเร็จหรือได้รับชัยชนะ ผู้บริโภคจะรู้สึกภาคภูมิใจที่ได้เป็นส่วนสนับสนุน

 

 

[ประโยชน์หลักที่แบรนด์ได้รับ]

 

กลยุทธ์นี้มอบประโยชน์ทางการตลาดที่แบรนด์ใหญ่ทำได้ยาก ประการแรก คือการ สร้างความเห็นอกเห็นใจ ผู้บริโภคส่วนใหญ่มักเชียร์ฝ่ายที่เป็นรองอยู่แล้ว การเล่าเรื่องราวความยากลำบากจึงทำให้แบรนด์ถูกมองว่ามีความจริงใจ มีหัวใจ และสามารถเชื่อมโยงทางอารมณ์กับผู้คนได้ง่ายกว่า

 

ประการที่สอง คือการ เพิ่มความน่าเชื่อถือ เมื่อแบรนด์ยอมรับจุดอ่อนหรือข้อจำกัดของตนเอง จะทำให้ดูเป็นของแท้และไม่ใช่แค่บริษัทที่เน้นผลกำไรเพียงอย่างเดียว สิ่งนี้สำคัญมากในการสร้างความภักดีในระยะยาว

 

ประการสุดท้าย แคมเปญ Underdog มักเป็นแรงบันดาลใจและน่าจดจำ ทำให้เกิดการ บอกต่อ (Word-of-Mouth) อย่างรวดเร็วและเป็นธรรมชาติ

 

 

[เหมาะกับสินค้าและแบรนด์แบบไหน?]

 

กลยุทธ์นี้เหมาะอย่างยิ่งกับแบรนด์ที่เป็นผู้เล่นใหม่ Startups หรือ SME ที่ต้องการเจาะตลาดและท้าทายผู้นำเดิม นอกจากนี้ยังเหมาะกับสินค้าที่สร้างขึ้นจากอุดมการณ์ที่ชัดเจน เช่น ผลิตภัณฑ์ที่ยั่งยืน, สินค้าเพื่อชุมชน หรือแบรนด์ที่เป็นผู้ริเริ่มนวัตกรรมที่กำลังเข้ามาเปลี่ยนวิธีการแบบเดิม ๆ ในตลาด

 

การเล่าเรื่องราวความท้าทายจะช่วยให้ผู้บริโภคเข้าใจว่าทำไมต้องสนับสนุน “ทางเลือกใหม่” แทนที่จะเลือก “ทางเลือกเดิม” ที่คุ้นเคยอยู่แล้ว ตัวอย่างคลาสสิกคือบริษัทรถเช่า Avis ที่เคยใช้สโลแกน “We Try Harder” ยอมรับว่าตัวเองเป็นอันดับ 2 เพื่อกระตุ้นให้ลูกค้ามาลองใช้บริการที่พยายามมากขึ้นนั่นเอง

 

แน่นอนว่ากลยุทธ์ Underdog จะเป็นเรื่องราวของม้านอกสายตา หรือผู้ที่ด้อยกว่าแต่กลับชนะในที่สุด เป็นหนึ่งในเครื่องมือสร้างแบรนด์ที่ทรงพลังที่สุด เป็นความท้าทายที่ต้องทำให้สำเร็จกับภารกิจกระตุ้นอารมณ์ และความเห็นอกเห็นใจของผู้บริโภคได้อย่างลึกซึ้ง

 

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ