สศค.เผยจะดันมาตรการตลอดทั้งปีหวังส่งเสริมประชาชนใช้จ่ายเงินผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์เต็มรูปแบบ ลดการใช้เงินสดในสังคม เผยคนนิยมรับเงินคืนภาษีผ่านพร้อมเพย์มากขึ้นเหตุสะดวกกว่ารับเช็ก
นายลวรรณ แสงสนิท ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) กระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ได้เดินหน้าและผลักดันอย่างเต็มที่กับ ยุทธศาสตร์การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานระบบการชำระเงินแบบอิเล็กทรอนิกส์แห่งชาติ หรือ National e-Payment Master Plan โดยเฉพาะกับภาคประชาชน ที่ได้กระตุ้นและสนับสนุนให้มีการชำระเงินค่าสินค้าผ่านระบบพร้อมเพย์ โดยคาดว่าในปี 2562 จะสนับสนุนให้ประชาชนหันมาใช้จ่ายผ่านบัตรเดบิตมากขึ้น
“มาตรการสำคัญคือจะออกมาตรการตลอดทั้งปีเพื่อสนับสนุนประชาชนให้ใช้จ่ายเงินผ่านบัตรมากขึ้น โดยต้องการให้ลดสังคมการใช้เงินสด โดยเริ่มแรกจะส่งเสริมการชำระเงินเพื่อซื้อสินค้าและบริการ และการนำส่งข้อมูลภาษีมูลค่าเพิ่มผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ที่จะกำหนดการใช้จ่ายของประชาชนในช่วงวันที่ 1-15 ก.พ. 2562” นายลวรรณ กล่าว
ผู้อำนวยการ สศค. กล่าวอีกว่า ในส่วนการดำเนินการยุทธศาสตร์ e-Payment ล่าสุดดำเนินการใกล้ครบตามแผนแล้ว โดยเริ่มจากกรมบัญชีกลางให้รับสวัสดิการภาครัฐผ่านบัตรผู้มีรายได้น้อย การเบิกจ่ายงบประมาณ การจัดซื้อจัดจ้างผ่านระบบอี-โพรเคียวเมนต์ ความร่วมมือในการนำระบบ KTB Corporate Online เพื่อเปลี่ยนระบบการเบิกจ่ายตรงค่ารักษาพยาบาลประเภทผู้ป่วยนอก โดยใช้บัตรประชาชนแสดงสิทธิเพื่อประกอบการเบิกจ่ายเงินแทนการสแกนนิ้วมือ
นอกจากนี้ ในส่วนของกรมสรรพากรจะยกเลิกส่งเช็กคืนภาษีเงินได้ทางไปรษณีย์ เริ่มมีผลตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.2562 โดยให้คืนภาษีผ่านบัญชีพร้อมเพย์ หรือให้ผู้ที่ได้รับเงินคืนภาษีไปติดต่อขอรับเงินที่ธนาคารกรุงไทยและธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) แทน
นายลวรรณ กล่าวอีกว่า สาเหตุที่ยกเลิกการจ่ายเช็กคืนภาษีเพราะมีต้นทุนสูง ประกอบกับที่ผ่านมามีประชาชนกว่า 70% หันมาใช้บริการพร้อมเพย์ในการรับเงินคืนภาษีเงินได้ ส่วนประชาชนที่ยังสมัครใจรับคืนเงินภาษีด้วยเช็กนั้นมีเพียง 30% ของผู้ยื่นเสียภาษีเงินได้ แต่ก็มีแนวโน้มว่าจะลดลงต่อเนื่องทุกปี เพราะการคืนเงินภาษีเข้าบัญชีสะดวกและรวดเร็วกว่ารับด้วยเช็กมาก