กรมพัฒนาธุรกิจการค้า เผย 3 ภารกิจหลักปี 2564 เน้นช่วยผู้ประกอบการ SME และเศรษฐกิจฐานราก พร้อมส่งเสริมให้นำเทคโนโลยีเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของการทำธุรกิจ
นายทศพล ทังสุบุตร อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่าการดำเนินงานในปี 2564 ของกรมพัฒนาธุรกิจการค้าจะมีความสอดรับกับยุทธศาสตร์ชาติ และยุทธศาสตร์ของกระทรวงพาณิชย์ โดยบุคลากรต้องมีการทำงานอย่างเป็นทีมเวิร์ค มีความโปร่งใส ปรับตัวให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของโลก
ด้านผู้ประกอบการที่ดำเนินธุรกิจ ทางกรมพัฒน์ฯ จะให้ความสำคัญกับการพัฒนาในส่วนของผู้ประกอบการ SME รวมถึงผู้ประกอบการท้องถิ่น เช่น ร้านโชห่วย ร้านโอทอป ร้านขายสินค้าทางการเกษตร ตลอดจนผู้ที่ทำธุรกิจแฟรนไชส์ ให้มีช่องทางทำการตลาด สามารถหารายได้เพิ่มขึ้น โดยแบ่งออกมาเป็น 3 ภารกิจหลัก ดังต่อไปนี้
1. ดูแล SME และเศรษฐกิจฐานรากแบบเข้มข้น
ส่งเสริมให้ผู้ประกอบการสินค้าชุมชน โอทอป และสินค้าการเกษตร นำเทคโนโลยีเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของการทำธุรกิจ ผลักดันให้เข้าสู่ตลาดที่ยั่งยืน ด้วยการพัฒนาสินค้าให้สอดคล้องกับความต้องการของผู้บริโภค รวมถึงเพิ่มช่องทางการจำหน่ายสินค้าผ่านทั้งออนไลน์ และออฟไลน์ ในรูปแบบ Omni Channel (การขายแบบ 2 ทาง) ผ่านการจำหน่ายบนห้างค้าปลีกสมัยใหม่ ห้างสรรพสินค้า สนามบิน สถานที่ท่องเที่ยว ร้านค้าส่ง-ค้าปลีกชุมชนทั่วประเทศ
2.สร้างธรรมาภิบาลทางธุรกิจ
กำกับดูแลภาคธุรกิจให้ดำเนินธุรกิจได้อย่างถูกต้อง เป็นไปตามหลักธรรมาภิบาล พร้อมทั้งยกระดับธุรกิจตามเกณฑ์มาตรฐานที่กรมฯ จัดทำขึ้น ซึ่งอ้างอิงจากมาตรฐานสากล นอกจากนี้ จะส่งเสริมให้ผู้ประกอบการจัดทำบัญชีผ่านแอปพลิเคชัน หรือช่องทางออนไลน์ และสามารถนำส่งงบประมาณประจำปีได้โดยอัตโนมัติ ซึ่งจะเป็นการยกระดับขีดความสามารถทางด้านธุรกิจให้กับผู้ประกอบการ
3. พัฒนาเทคโนโลยี-นวัตกรรม
นำเทคโนโลยีเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งเพื่อลดอุปสรรคของการดำเนินธุรกิจ โดยเทคโนโลยีที่นำมาใช้นั้น เช่น AI ใช้ในเรื่องการจองชื่อนิติบุคคล, การพัฒนาระบบการออกหนังสือรับรองการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว (e-Foreign Certificate) อำนวยความสะดวกนักลงทุนชาวต่างชาติ การผลักดันการใช้ระบบจดทะเบียนนิติบุคคลทางอิเล็กทรอนิกส์ (e-Registration) เป็นต้น
เหล่านี้จะทำให้กระบวนการต่าง ๆ ในการจัดตั้งธุรกิจจะเป็นไปอย่างง่ายดายยิ่งขึ้น ทำให้ดึงดูดนักลงทุนมากขึ้น เช่นเดียวกับการนำ Big Data มาเพิ่มประสิทธิฐานข้อมูลกลางของกรมฯ ซึ่งจะช่วยเชื่อมโยงการทำงานได้ดียิ่งขึ้น