Nitori

Nitori ร้านเฟอร์นิเจอร์ล้ม IKEA ด้วยกลยุทธ์มองขาดเข้าใจลูกค้า

Nitori ร้านเฟอร์นิเจอร์ญี่ปุ่นที่มีเรื่องราวธุรกิจชวนศึกษาที่น่าสนใจ เพราะนี่คือแบรนด์ที่เอาชนะยักษ์ใหญ่อย่าง IKEA ที่จะประสบความสำเร็จในตลาดหลายประเทศ แต่ที่ญี่ปุ่นกลับไม่ใช่เรื่องง่าย

นิโตริ ก่อตั้งโดยคุณอะกิโตะ นิโทริ ในปี 1967 ที่เมืองซัปโปโร จำนวน 2 สาขา ผ่านแนวคิดมอบความเป็นอยู่ที่ดีแก่ผู้คนทั่วโลก โดยจุดเปลี่ยนสำคัญของธุรกิจเกิดขึ้นเมื่อเจ้าตัวได้เดินทางไปยังสหรัฐฯ และได้พบกับ Sears และ JCPenney ห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ที่รวบรวมทั้งเฟอร์นิเจอร์ ของตกแต่งบ้านไว้ด้วยกัน

นอกจากนี้ ยังพบความต่างระหว่างคนสหรัฐฯ กับคนญี่ปุ่นที่มีสไตล์การตกแต่งบ้านที่ไม่เหมือนกัน โดยคนอเมริกันจะชอบตกแต่งด้วยการใช้ของที่หลากหลายมาตกแต่งรวมกันให้มีความกลมกลืน สวนทางกับคนญี่ปุ่นที่จะเน้นในเรื่องการตกแต่งแบบเรียบง่าย เช่นเดียวกับราคาก็มีความต่างกัน ซึ่งที่สหรัฐฯ ถูกกว่าที่ญี่ปุ่น

 

 

สิ่งที่ได้พบเจอมาเหล่านี้ทำให้คุณอะกิโตะนำมาปรับใช้กับธุรกิจ โดยปรับเปลี่ยนโมเดลจากที่ขายแค่เฟอร์นิเจอร์ เปลี่ยนมาเป็นค้าส่งเฟอร์นิเจอร์ เครื่องใช้ภายในบ้าน ของตกแต่งเอาไว้ที่เดียวกัน ด้วยราคาที่จับต้องได้ ไม่แพงมาก

แน่นอนว่าการทำธุรกิจย่อมต้องเผชิญกับคู่แข่งเป็นเรื่องธรรมดา และคู่แข่งของพวกเขาคือ IKEA แบรนด์ที่ขายสินค้า และบริการแบบเดียวกันสัญชาติสวีเดนที่เข้ามาเปิดตลาดในญี่ปุ่นเป็นครั้งแรกในปี 1973 แต่ดูเหมือนว่าธุรกิจยังศึกษาพฤติกรรมคนญี่ปุ่นไม่ดีพอ ขาดความใจในไลฟ์สไตล์ วัฒนธรรม สุดท้ายแบรนด์ไม่ประสบความสำเร็จจนต้องยุติธุรกิจลงในปี 1983

ตัวอย่างที่เห็นได้ชัด คือคนญี่ปุ่นนิยมใช้ขนส่งสาธารณะอยู่บ่อยครั้ง โดยเฟอร์นิเจอร์ของ IKEA ไม่ได้ถูกออกแบบมาให้เข้ากับวิถีชีวิตของคนญี่ปุ่นเลย เพราะไม่ใช่เรื่องที่พวกเขาจะต้องซื้อเฟอร์นิเจอร์แบกขึ้นรถไฟฟ้ากลับไปต่อเองที่บ้าน จึงทำให้มีความรู้สึกไม่ค่อยดีนัก ผิดกับนิโตริที่จะดูมีความเข้าใจคนท้องถิ่นด้วยการมีบริการจัดส่งสินค้าถึงบ้าน

 

 

อีกทั้ง ขนาดของที่อยู่อาศัยของคนญี่ปุ่นก็มีความแตกต่างกับคนประเทศอื่น ๆ แต่เฟอร์นิเจอร์ของ IKEA ดูจะไม่เข้ากับบ้านของคนญี่ปุ่นที่มีขนาดเล็กสักเท่าไหร่

วิเคราะห์กันว่าปัจจัยที่ทำให้นิโตริครองตลาดประสบความสำเร็จในญี่ปุ่นด้วยการสร้างกลยุทธ์ที่มีความเข้าใจลูกค้าท้องถิ่น ทั้งในเรื่องของราคาที่ใคร ๆ ก็สามารถซื้อได้ และการันตีเรื่องของคุณภาพตามแนวคิดอยากมอบความเป็นอยู่ที่ดีแก่ผู้คนทั่วโลก เช่นเดียวกับขนาดของเฟอร์นิเจอร์ที่ดูมีความกะทัดรัด เหมาะสมกับบ้านพักของคนญี่ปุ่นที่มีพื้นที่จำกัด เน้นการใช้งานเล็ก ๆ น้อย ๆ

ปัจจุบันแบรนด์มีสาขาในญี่ปุ่นมากกว่า 400 แห่ง และมีสาขากว่า 900 แห่งในต่างประเทศ ได้แก่ ไต้หวัน, มาเลเซีย, สิงคโปร์, จีน ส่วนไทยได้เข้ามาเปิดสาขาแรกที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ โดยสินค้าภายในร้านมีทั้งเฟอร์นิเจอร์สไตล์โมเดิร์น ไม่ว่าจะเป็น เครื่องนอน โซฟา เก้าอี้ โต๊ะทานข้าว เครื่องใช้ภายในห้องครัว ของตกแต่งอื่น ๆ ในราคาไม่แพง

ที่มา: nitori hd, eurotechnology

เรื่องอื่นๆที่น่าสนใจ