SME ไทย

SME ไทย กว่า 4,000 ราย ถูกผลกระทบแบบจัดเต็มจากทรัมป์เก็บภาษี

ธนาคารแห่งประเทศ วิเคราะห์ผลกระทบเบื้องต้นของนโยบายการค้าโลกต่อเศรษฐกิจไทย เผยกลุ่ม SME ไทยที่ต้องปรับตัว หากสหรัฐฯ มีมาตรการเก็บภาษีสินค้านำเข้า โดยแบ่งออกเป็น 3 กลุ่มหลัก ดังต่อไปนี้

1.กลุ่ม sectoral tariff เป็นสินค้าในหมวดยานยนต์และชิ้นส่วน (รวมล้อยาง) เหล็กและอะลูมิเนียม มี SME จำนวน 363 ราย มูลค่าเพิ่มการส่งออกคิดเป็น 0.9% ต่อ GDP โดยอัตราภาษีนำเข้าก่อนวันที่ 20 ม.ค.68 คิดเป็น 2.4% ส่วนอัตราที่คิดเพิ่มขึ้น (ณ 17 เม.ย.68) อยู่ที่ +25%

2.กลุ่ม reciprocal tariff (เลื่อนการเก็บภาษีออกไป 90 วัน) เป็นสินค้าในหมวดเครื่องจักร เครืองจักรไฟฟ้า เกษตรและเกษตรแปรรูป ปิโตรเคมีและเคมีภัณฑ์ สิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม และอื่น ๆ มี SME จำนวน 4,437 ราย มูลค่าส่งออกคิดเป็น 1.2% ต่อ GDP โดยอัตราภาษีนำเข้าก่อนวันที่ 20 ม.ค.68 คิดเป็น 2.4% ส่วนอัตราที่คิดเพิ่มขึ้น (ณ 17 เม.ย.68) อยู่ที่ +10%

3.กลุ่ม sectoral tariff (ยังไม่ขึ้นภาษี) เป็นสินค้าในหมวด อิเล็กทรอนิกส์ ทองแดง ยา ไม้ มี SME จำนวน 190 ราย มูลค่าส่งออกคิดเป็น 0.1% ต่อ GDP โดยอัตราภาษีนำเข้าก่อนวันที่ 20 ม.ค.68 คิดเป็น 0% กลุ่มนี้ยังไม่ได้รับผลกระทบ

 

 

เมื่อรวมกลุ่มสินค้าที่มีผลทางตรงต่อการส่งสินค้าไปสหรัฐฯ ทั้ง 3 กลุ่ม พบว่ามีจำนวน 4,990 ราย สัดส่วนการส่งออกรวม 18.3% และมูลค่าเพิ่มจากการส่งออกคิดเป็น 2.2% ต่อ GDP

อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ยังดูไม่แน่นอนต้องรอให้ผ่าน 90 วันไปก่อนว่าจะมีมากน้อยขนาดไหนต่อ SME ไทย แต่ผลกระทบ ณ ตอนนี้ยังดูไม่ได้มากในบางเซกเตอร์ โดยต้องติดตามผล ซึ่งจะเห็นความชัดเจนในช่วงครึ่งหลังของปี

ที่มา: ธนาคารแห่งประเทศไทย