นวัตวิถี

ชมวัฒนธรรมไทยเบิ้ง แล้วชิมเมนูถิ่นสุดเรียบง่าย แต่ได้สุขภาพ

นวัตวิถีครั้งนี้ เราจะพาไปจรรโลงใจในวัฒนธรรมไทยเบิ้ง บ้านดีลัง หมู่ 3 ต.ดีลัง อำเภอพัฒนานิคม จ.ลพบุรี ซึ่งผู้เฒ่าส่วนใหญ่นิยมพาดผ้าขาวม้าสีแจ่ม เป็นเอกลักษณ์ ใครเห็นต่างอยากได้เป็นของฝาก ผ้าขาวม้าที่นี่จะสีสันสดใส เนื้อผ้าแน่น มักทอเป็นตารางตรงช่วงกลาง และทิ้งลายริ้วตรงหัวท้ายยาวมาก ประวัติของบ้านดีลัง เชื่อว่า ตาดีกับยายลังเป็นสามีภรรยาคู่แรกที่เข้ามาตั้งรกรากทำกิน ต่อมามีกลุ่มคนอพยพมาจากเมืองเวียงจันทร์ เพื่อหนีภัยสงครามกบฏเจ้าอนุวงศ์ มาตั้งบ้านเรือนอยู่ที่หนองปลาซิวแต่เกิดโรคห่า (อหิวาตกโรค) และโรคฝีดาษระบาด จึงพากันอพยพมาอยู่ที่เดียวกับตาดีและยายลัง และมีคนมากขึ้นจนกลายเป็นหมู่บ้าน และได้เรียกขานถิ่นที่อยู่ตามชื่อของสามีภรรยาคู่แรก ชาวบ้านดีลังส่วนหนึ่งเป็นชาวไทยเบิ้ง บางคนเรียกไทยเดิ้ง หรือไทยโคราช เนื่องจากนิยมฟังเพลงโคราช ซึ่งบรรพบุรุษไทยเบิ้งได้อพยพมาจากเมืองเวียงจันทน์ สปป.ลาว ตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 4 มีวัฒนธรรมเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว สำเนียงการพูดมีเอกลักษณ์ คือใช้ภาษาไทยภาคกลาง แต่เหน่อแบบโคราช และมักลงท้ายคำพูดว่า เบิ้ง เหว่ย ด๊อก หรือ เด้อ ซึ่งบ้านดีลังเป็นชุมชนไทยเบิ้งที่เก่าแก่ที่สุดในพื้นที่จังหวัดลพบุรี ส่วนใหญ่ใช้นามสกุลที่ลงด้วย ดีลัง วัดดีลัง เป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวบ้านดีลัง มีวิหารเก่าหลวงปู่มั่น ร่องรอยของกำแพงวิหารเก่ายังมีให้เห็นเป็นอิฐศิลาแลง นักท่องเที่ยวมักมาสักการะรอยพระพุทธบาทที่เป็นก้อนหินแท้ ผู้มาเยือนส่วนใหญ่จะไปกราบสักการะ ศาลปู่แก้วปู่สังข์ ซึ่งเป็นพึ่งทางใจของชาวบ้าน […]

กางเต็นท์นอน แล้วไปเก็บเห็ดนานาชนิด ณ พัฒนานิคม

ลพบุรี ถือเป็นเมืองดังแห่งเกจิอาจารย์ ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ หลวงปู่หิน เกจิอาจารย์ชาวอีสาน ที่ได้ธุดงค์จากโคราช แล้วมาจำพรรษาที่วัดหนองตามิ่ง ตำบลโคกสลุง อำเภอพัฒนานิคม จังหวัดลพบุรี จากนั้นได้ธุดงค์มาจำพรรษาอยู่ที่วัดหนองนา แล้วขึ้นไปวิเวกปฏิบัติธรรมบนยอดเขา พร้อมสร้างที่พักมุงหลังคาด้วยหญ้าแฝกพอบังแสงแดดกันฝนได้ หลวงปู่หินเป็นที่เคารพนับถือของสาธุชนทั่วสารทิศ มีชื่อเสียงทางด้านคาถาอาคม เมตตามหานิยม และมีจิตทางพระสูง และหลังมรณภาพลงเมื่อ 28 เมษายน 2535 ลูกศิษย์ ได้ตั้งศพบรรจุโลงแก้ว ไว้บนศาลาการเปรียญวัดหนองนา เพื่อให้สาธุชนได้กราบไหว้สักการบูชา จนถึงปัจจุบันศพยังไม่เน่าเปื่อย จากนั้นแวะเที่ยวเรียนรู้ทางการเกษตรที่ ‘สวนเห็ดบ้านเรา’ บ้านเกษตรพัฒนา ของคุณสิริกาญจน์ สิทธิเคหภาค เจ้าของไอเดียกล่องเพาะเห็ด DIY Mushroom Grow Kit ที่ต่อยอดจากการผลิตก้อนเชื้อเห็ดขาย จนกลายเป็นโรงเห็ด 5,000 ก้อน ที่ได้รับคัดเลือกเป็นผลิตภัณฑ์โอท็อปสี่ดาว ซึ่งมีเห็ดนานาชนิดให้เลือกซื้อ อาทิ นางฟ้านางรม นางรมฮังการี นางรมภูฐาน เห็ดหูหนู และเปาฮื้อ ทั้งยังมีการสาธิตการแปรรูปจากเห็ด เช่น แหนมเห็ด น้ำพริกเห็ด ขนมจีนน้ำยาเห็ด ต่อด้วยเขาพระยาเดินธง สุดยอดจุดชมวิวที่เร้าใจของลพบุรี […]

สัมผัสวัฒนธรรม ‘บ้านหนองหัวช้าง’ แล้วกินมัลเบอร์รี่ให้พุงกาง

OTOP นวัตวิถี พาไปเที่ยวสนุก กินสุดเพลิน ณ บ้านหนองหัวช้าง ต.หนองผักแว่น อ.ท่าหลวง จ.ลพบุรี ซึ่งที่มาของหมู่บ้านหนองหัวช้าง มีเรื่องเล่ากันว่า มีคนพบซากโครงกระดูกหัวช้างในหนองน้ำใกล้กับบริเวณที่พักอาศัย ชาวบ้านมีวัดหนองหัวช้างเป็นศูนย์รวมจิตใจ เมื่อถึงเทศกาลสำคัญทางพุทธศาสนาก็มักมาร่วมตักบาตรฟังพระธรรม อย่างเทศกาลตักบาตรเทโว ในวันออกพรรษา ถือเป็นประเพณีที่หลอมชาวบ้านให้เป็นหนึ่งเดียวกัน เชื่อกันว่าพระพุทธเจ้าจะเสด็จลงจากสวรรค์ ชาวบ้านจะอัญเชิญพระพุทธรูปขึ้นประดิษฐานบนล้อเลื่อน และมีบาตรวางอยู่ แล้วเคลื่อนไปอย่างช้าๆ รอบต้นไทรขนาดใหญ่ 3 รอบ เพื่อให้ชาวบ้านได้ใส่บาตร พร้อมประโคมกลองยาว และมีชาวบ้านแต่งกายเป็นเหล่าเทวดานางฟ้า ฟ้อนรำกันอย่างครื้นเครง เนื่องจากชาวบ้านส่วนใหญ่เป็นเกษตรกร บางส่วนปลูกหม่อน เพื่อเก็บผลผลิตจากลูกหม่อน หรือลูกมัลเบอร์รี่ และแปรรูปเป็นแยม ซึ่งลูกมัลเบอร์รี่เป็นผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ที่เต็มไปด้วยคุณประโยชน์ต่อสุขภาพ ช่วยต้านมะเร็ง บางสวนมีต้นมัลเบอร์รี่จำนวนมาก อย่างสวนคุณอุไร ก็เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าไปเลือกเด็ดกินในสวนได้แบบอิ่มไม่อั้น เพียง 20 บาท นอกจากนั้นส่วนใบ ยังนิยมนำมาแปรรูปเป็นชาใบหม่อน เพื่อสุขภาพอีกด้วย ด้านสำรับอาหารถิ่น ได้แก่ ส้มตำลาวใส่ปลาร้า น้ำพริกปลาร้า ยำเห็ดนางฟ้า แกงส้มแบบใส่มะละกอ ผักกวางตุ้ง หัวไข้เท้า ผักกาดเขียว และไข่ปลา และปิดท้ายด้วยขนมต้มญวน […]

‘ซับจำปา’ ดินแดนยุคทวาราวดี ที่มีผังเมืองเป็นรูปหัวใจ

OTOP นวัตวิถี ครั้งนี้ ไปร่วมสุข ร่วมวิถี ร่วมสมัย (Happiness Oriented) ณ ซับจำปา อ.ท่าหลวง จ.ลพบุรี เมืองโบราณยุคทวาราวดี มีคูน้ำกว้างลึก มีคันดินกำแพงสูงล้อมเมือง และมีผังเมืองเป็นรูปวงกลมรีคล้ายรูปหัวใจ ‘เมืองโบราณซับจำปา’ ถูกค้นพบโดยบังเอิญ ในปี พ.ศ. 2513 ขณะชาวไร่ข้าวโพดประสบปัญหาตั๊กแตน ปาทังก้า นับล้านตัวบุกโจมตีไร่ข้าวโพดพังเสียหาย แม้แต่กางเกงยีนส์ก็ไม่เหลือซาก กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จึงส่งเครื่องบินและหน่วยปราบศัตรูพืชมาช่วย พร้อมถ่ายภาพทางอากาศ แล้วได้พบกับผืนดินรูปทรงประหลาด มีคูน้ำ-คันดินเหมือนแนวกำแพงเมืองลึกลงกว่า 10 เมตร คล้ายรูปหัวใจคว่ำ ซับจำปามีความเก่าแก่ที่มีอายุเก่าแก่กว่า 3,000 ปี เนื่องจากขุดค้นพบซากโบราณของกรมศิลปากร เช่น หลักศิลาจารึก แท่นหิน 8 เหลี่ยม เศียรพระพุทธรูป เครื่องประดับจากหินและหอยมือเสือ ภาชนะดินเผาลายเชือกทาบ เครื่องมือเครื่องใช้ในยุคสำริด ยุคเหล็ก และตราสัญลักษณ์ สุริยันจันทรา ซึ่งสามารถศึกษาประวัตศาสตร์เหล่านี้ได้ใน ‘พิพิธภัณฑ์ซับจำปา’ ทุกวันตั้งแต่ 8.30 – 16.30 […]

สนุกกับตำนานเล่าขาน ผ่านอารยธรรมโบราณใน ‘บ้านหนองผักบุ้ง’

OTOP นวัตวิถี ครั้งนี้จะพาไปตามรอยแรงศรัทธา และเรื่องราวเล่าขานจากตำนานความเชื่อ ผ่านศาสนสถานทางประวัติศาสตร์อันมีคุณค่าของชาวบ้านหนองผักบุ้ง อ.ลำสนธิ จ.ลพบุรี บ้านหนองผักบุ้ง อ.ลำสนธิ เป็นหนึ่งในดินแดนอารยธรรม เดิมเคยเป็นพื้นที่ในเขตอำเภอชัยบาดาล โดยพงศาวดารอยุธยา ในรัชสมัยของพระมหาธรรมราชา ระบุว่าเป็นเมืองคู่กับเมืองศรีเทพ มีการแต่งตั้งเจ้าเมืองไชยบาดาล และสันนิษฐานว่าเคยเป็นหนึ่งในอาณาจักรขอมช่วงยุคเรืองอำนาจ หรือราว 2,000 ปีก่อน ใครที่ชอบการการเดินทางตามรอยประวัติศาสตร์จะได้รับความสนุกไม่น้อย เพราะแต่ละจุดต่างมีเรื่องเล่ามากมาย เริ่มจาก ‘วัดด่านโคกคลี’ ที่เสมือนเป็นประตูต้อนรับนักท่องเที่ยว ใครมาก็มักจะมากราบสักการะพระห้าสมัย คือ หลวงพ่อโสธร หลวงพ่ออู่ทอง หลวงพ่อสุโขทัย หลวงพ่อเชียงแสนล้านนา และหลวงพ่อเชียงแสน ก่อนเดินทางเที่ยวชมจุดอื่นๆ ในบ้านหนองผักบุ้ง อำเภอลำสนธิ ต่อด้วย ‘ปรางค์นางผมหอม’ เป็นสถาปัตยกรรมแบบบายน สันนิษฐานว่าเป็นยุคสมัยศรีเทพ หรือราว 1,500 – 1,700 ปีที่ผ่านมา โดยสร้างด้วยอิฐศิลาแลงก้อนใหญ่ ฐานเป็นหินทราย คล้ายกับปรางค์แขก เคยมีทับหลังแต่สูญหาย ปัจจุบันได้ขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถาน โดยกรมศิลปากรแล้ว โดยมีตำนานมาจากรักสามเส้าของนางผมหอม ซึ่งในเดือนมกราคมของทุกปี จะมีการจัดงานใหญ่ประจำอำเภอลำสนธิ พร้อมแสดงแสงสีเสียง ในรูปแบบย้อนประวัติศาสตร์ไปในยุคศรีเทพ และผู้คนก็จะแต่งกายย้อนยุคมางาน ‘วัดบำรุงศรัทธาธรรม’ ที่ใครเข้าไปแล้วจะสัมผัสได้ถึงความเงียบสงบ แรงศรัทธา […]

มนต์เสน่ห์ ‘บ้านท่าหลวง’ แก่นแท้วิถีชุมชนของคนลพบุรี

OTOP นวัตวิถีครั้งนี้ เราจะพาไปไขความลับแห่งภูมิปัญญา เรียนรู้วัฒนธรรม และวิถีชีวิตอันมีเอกลักษณ์ ซึ่งเป็นแก่นแท้ของวิถีชุมชนบ้านท่าหลวง จังหวัดลพบุรี บ้านท่าหลวง ตั้งอยู่ด้านตะวันออกของแม่น้ำป่าสัก ซึ่งเป็นเขตป่าสงวน หรือชาวบ้านเรียกกันว่าป่าหลวง เนื่องจากมีสัตว์ป่าหากินจำนวนมาก ในอดีตชาวบ้านมักลักลอบล่องแพข้ามแม่น้ำไปล่าสัตว์ ตัดต้นไม้ ทำให้บริเวณที่ชาวบ้านจอดแพกลายเป็นที่มาของชื่อ ท่าหลวง ซึ่งใครที่แวะไปท่องเที่ยวจะสัมผัสได้กับรอยยิ้มแสนอบอุ่นของเจ้าบ้าน ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มโฮมสเตย์ ที่เปิดบ้านต้อนรับนักท่องเที่ยวตลอดเวลา แวะชิมความอร่อยของกระยาสารทที่ขึ้นชื่อ พร้อมประสบการณ์การเลี้ยงแพะเนื้อ และสถานที่อื่นๆ ที่เต็มไปด้วยความสนุกอย่างมีสีสัน ดังนี้ อิ่มเอมธรรมชาติที่น้ำตกวังก้านเหลือง น้ำตกวังก้านเหลือง ถือเป็นน้ำตกอีกแห่งที่มีความแปลก เพราะเกิดจากตาน้ำขนาดใหญ่ที่ผุดขึ้นมาจากดิน ต่างจากน้ำตกทั่วไป ที่มีต้นน้ำจากภูเขา ซึ่งสายน้ำที่ไหลลงมาปะทะกับหินผา ทำให้เกิดแผ่นน้ำกว้างกว่า 20 เมตร ลดหลั่นกันไม่ต่ำกว่า 10 ชั้น ปกคลุมด้วยต้นไม้ใหญ่ไหลยาวกว่า 3 กิโลเมตร และไปบรรจบกับแม่น้ำป่าสัก เหมาะต่อลงเล่นให้เย็นใจ จึงทำให้วันหยุดมีนักท่องเที่ยวมาสัมผัสประสบการณ์คึกคักเป็นพิเศษ ไหว้หลวงปู่ฉัน วัดท่าหลวง ก่อนชมวิวบนสันเขื่อนป่าสัก เมื่อมาถึงจุดนัดพบวัดท่าหลวง ควรแวะสักการะหลวงปู่ฉัน ขนฺติโก ซึ่งท่านเป็นเคารพบูชาของชาวบ้าน และประชาชนทั่วไป โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวนักสะสมพระเครื่อง ที่เมื่อมาถึงจะถามหาเหรียญศักดิ์สิทธิ์ รุ่น 1 […]

ร้านอาหารมัดหมี่ ของดีจังหวัดลพบุรี

 ชาวไทยพวน คือกลุ่มชนที่ย้ายถิ่นฐานมาจากเมืองเชียงขวางประเทศลาว อพยพมาตั้งแต่ปลายยุคกรุงธนบุรี ลพบุรีเป็นถิ่นเมืองปลา เลยขอแนะนำร้านอาหารชื่อดังระดับติดดาว ที่รับรองแขกบ้านแขกเมือง คือร้านอาหารมัดหมี่ เมนูชื่อดังคือ ปลาส้มฟัก ซึ่งเป็นมรดกตกทอดในการถนอมอาหารของบรรพบุรุษไทยพวน มานานเกือบ 100 ปี คำว่า “ส้ม” ภาษาไทยพวนแปลว่า “เปรี้ยว” คำว่า “ฟัก” ภาษาไทยพวนแปลว่า “สับ” เมื่อมาถึงร้านอาหารดังแห่งลพบุรี คงไม่พลาดที่จะสั่งออเดิร์ฟจานแรก ปลาส้มฟักทอด ทานแกล้มกับเบียร์เป็นดีเลิศ น้ำพริกปลาร้าสับก็สุดยอด ใครที่กลัวปลาร้า เชิญลองน้ำพริกถ้วยนี้   แล้วจะติดใจ ด้วยปลาร้าสับเป็นของดีเด่นประจำจังหวัดเชียว เสริฟมาพร้อมกับผักสด ขมิ้นขาว หน่อไม้ต้ม ลงตัวเสียจริงแค่คลุกข้าวสวยร้อนๆ แค่นี้ยังไม่พอ ต้องครบสำรับอาหารด้วย แกงคั่วเห็ดเผาะ ปลากรายสับ หวานมันกระทิใส่หน่อไม้เนื้อนุ่ม เห็ดเพาะสดเคี้ยวกรุบๆ นอกจากเมนูจานเด็ดเหล่านี้ ยังมีให้เลือกสั่งอีกมาก   ส่วนของหวาน มาถึงเมืองกระท้อน ต้องสั่งกระท้อนลอยแก้ว หอมหวานเย็นชื่นใจ เนื้อกระท้อนชิ้นโตเต็มคำเสียจริง สำหรับของฝาก น้ำพริกในบรรจุภัณฑ์หลากหลายให้เลือกซื้อ ร้านอาหารมัดหมี่ 10 ถนนพระศรีมโหสถ ต.ท่าหิน อ.เมือง […]

8 อันดับของฝากจากใจ Editor’s Choice

ตะลุยเมืองลพบุรีคราวนี้ น้ำหนักขึ้นทันที ด้วยความที่เที่ยวสนุก enjoy eating ประกอบกับเรื่องเที่ยวเรื่องกินเรื่องช้อปคือหมวดเดียวกัน ไปตะลุยแหล่งไหน ได้ของฝากติดมือเต็มกระเป๋าเชียวละ เราเลยขอให้คัดสรรแนะนำเพื่อนๆ 8 อันดับ Top ของฝาก อันดับหนึ่ง: ไข่เค็มดินสอพอง ยี่ห้อแม่บ้านกองพันปฏิบัติการจิตวิทยา ต้นตำรับสูตรไข่เค็มดินสอพองของลพบุรี จะเลือกซื้อแบบต้มแล้ว หรือไม่ต้มก็ได้ หากมีเวลาแวะไปชมกรรมวิธีในการทำได้ทุกวันอังคารและวันพฤหัส ที่ชมรมแม่บ้านกองพันปฏิบัติการจิตวิทยาในค่ายสมเด็จพระนารายณ์มหาราช   อันดับสอง: ปลาส้มฟัก ของดังเลื่องชื่อแห่งเมืองลพบุรี แบบของสดแพกกิ้งเป็นสูญอากาศแช่เย็น หรือแบบแพคสดๆ หรือแบบทอดแล้วก็มี แบบเป็นตัว เป็นชิ้นใหญ่ หรือแปรรูปเป็นชิ้นพร้อมทอดหลากหลายให้เลือก หาซื้อกันได้ง่ายทั่วลพบุรี  อันดับสาม: หน่อไม้อบแห้ง หนึ่งเดียวในโลก ด้วยภูมิปัญญาท้องถิ่นในการถนอมอาหารหน่อไม้สด จากบ้านหนองผักบุ้ง อำเภอลำสนธิ พร้อมสร้างสรรค์เป็นเมนูผัดไทยเส้นหน่อไม้ กรุบๆ เคี้ยวหนึบ อร่อยอย่างมีคุณค่า อันดับสี่: ย่ามผ้ามัดหมี่ แห่งบ้านโคกเจริญ แฟชั่นเก๋ยุคนี้เชียวละ กว่าจะเป็นลายผ้ามัดหมี่ ต้องผ่านขั้นตอนมากมาย โอบ มัด ย้อม กรอ ทอ เย็บทุกฝีเข็มทุกขั้นตอนคืองานปราณีตจากใจชาวโคกเจริญเชียวนะ อันดับห้า: […]

สถานที่ท่องเที่ยวที่ดีที่สุดใน บ้านหมี่ จังหวัดลพบุรี

Smart SME พาไปเที่ยว อ.บ้านหมี่ จ.ลพบุรี ซึ่งอำเภอเล็กๆ แต่อัดแน่นสถานที่สวยงาม ซึ่งอำเภอนี้มีชื่อเสียงในการทอผ้ามัดหมี่ของอำเภอ บ้านหมี่หากใครมาเที่ยวบ้านหมี่ ลพบุรี จะสัมผัสถึงวัฒนธรรมลุ่มลึกของไทยพวน หลงใหลผ้าทอมัดหมี่ ล่องแพลุ่มแม่น้ำบางขาม Check in ที่ปลายนาบางพึ่ง นั่งสมาธิที่เจดีย์กลางน้ำ มาเที่ยวเมืองลพบุรีอย่างจุใจแล้ว ต้องแวะเยือนเที่ยวบ้านหมี่ อำเภอนี้หลากหลายแหล่งท่องเที่ยว ชวนให้ไปสัมผัส สนุกครบรสจริงๆ 1.ไทยพวนบ้านทราย วัดบ้านทราย เป็นศูนย์รวมชาวไทยพวน กลุ่มชาติพันธุ์ที่ย้ายถิ่นฐานมาจากเชียงขวาง ประเทศลาว มานานกว่า 200 ปี  มีวิถีทอผ้ามัดหมี่กันเกือบทุกบ้าน บางบ้านทอ บางบ้านมัดหมี่ แต่เป้าหมายเราคือบ้านป้าณี บ้านไทยพวนบ้านทรายเป็นศูนย์รวมทอผ้ามัดหมี่ ป้าณีแต่งตัวน่ารักออกมาทักทาย สวมเสื้อมากาแร้ง (เสื้อคอกระเช้าสไตล์ไทยพวน) นุ่งผ้าซิ่นไทยพวนแท้ต้องมีลายที่ตีน (ลายที่เชิงผ้า)  ก่อนที่จะกลับไปนั่งทอผ้ามัดหมี่ต่อ คุณสามารถเลือกซื้อผ้าทอมัดหมี่ลายงามได้ที่นี่ สนนราคาย่อมเยา   2.อาหารถิ่นไทยพวนหากอยากไปให้ถึงถิ่นไทยพวน ต้องมาลิ้มลองอาหารพื้นบ้าน ที่บ้านป้าณี  สามารถจัดสำรับอาหารให้ได้ แต่ต้องสั่งทำล่วงหน้า เมนูเด็ดของไทยพวนคือแกงขี้เหล็กใส่ใบย่านาง หอมอร่อยเพื่อสุขภาพ  แกงขี้เหล็กสูตรนี้ไม่ใส่กระทิ หรือเลือกกินหมี่กรอบเป็นออเดริฟ แหนมปลาส้มฟักทอดทานเล่น น้ำพริกปลาร้ากินแกล้มกับแคปหมูทอดสด […]

5 สิ่งที่น่าสนใจ ลพบุรี ไปกี่รอบก็ไม่มีเบื่อ

สถานที่ท่องเที่ยวจังหวัดลพบุรี มองดูรวมๆ เต็มไปด้วยอารยะธรรมประวัติศาสตร์และโบราณคดี รวมถึงแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติที่สวยงาม จังหวัดลพบุรี เป็นอีกหนึ่งจังหวัดที่น่าสนใจแห่งหนึ่งของภาคกลาง ด้วยการเดินทางไปมาที่สะดวก ทำให้ลพบุรีเป็นอีกหนึ่งจังหวัดที่เหมาะสำหรับการไปเที่ยวพักผ่อนในช่วงเวลาสั้น ๆ Smart SME ขอแนะนำ 5 สิ่งที่น่าสนใจ และควรใส่ในแผนการเที่ยวลพบุรีได้เลยครับ 1.บ้านวิชาเยนทร์ตัวละครสำคัญในสมัยแผ่นดินสมเด็จพระนารยณ์จะไม่กล่าวถึง ออกยาวิชาเยนทร์ไม่ได้เชียว สมเด็จพระนารายณ์ฯทรงสร้างบ้านให้ คอนสแตนติน ฟอลคอน ชาวกรีกที่ถวายตัวเข้ารับราชการจนได้รับความไว้วางพระราชหฤทัย และราชทานตำแหน่งให้เป็น ออกญาวิชาเยนทร์ บ้านวิชาเยนทร์ หรือบ้านหลวงรัชราชทูต ยิ่งใหญ่กว้างขวางทีเดียว เป็นกลุ่มอาคารบ้านพักหลายหลัง ที่ยังคงเห็นจากโบราณสถานคงเป็นโบสถ์คริสต์สำหรับประกอบพิธีทางศาสนา บนถนนวิชาเยนทร์ มีถนนสายสั้นๆ จากตลาดสดเทศบาล คือถนนฝรั่งเศส เมื่อปี พ.ศ. 2530 เนื่องในโอกาสเฉลิมฉลองความสัมพันธ์ระหว่างไทยและฝรั่งเศส ครบ 300 ปี ได้มีพิธีเปิด “ถนนฝรั่งเศส” เพื่อให้สัมพันธ์กับถนนสยาม (Rue de Siam) ที่เมืองเบรสต์ ประเทศฝรั่งเศส ซึ่งเคยเป็นจุดแรกที่คณะราชฑูตนำโดยเจ้าพระยาโกษษธิบดี (ปาน) เทียบเรือและเดินทางมาถึงแผ่นดินฝรั่งเศส 2.ศาลพระกาฬศาลพระกาฬ เดิมเรียกว่าศาลสูง เป็นที่ประดิษฐานเจ้าพ่อศาลพระกาฬ สิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่เมืองลพบุรี เชื่อว่าเป็นเทวรูปของพระนารายณ์สี่กรสลักศิลา […]

พระราชวังพระนารายณ์ แวร์ซาย แห่งลพบุรี

Smart SME พาไปทำความรู้จักกับ พระราชวังพระนารายณ์ แวร์ซาย เป็นอีกหนึ่งสถานที่ โบราณสถานที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ชาติไทย เมื่อมาถึงลพบุรี ต้องมาเยือนโบราณสถานพระนารายณ์ราชนิเวศน์ ที่ยิ่งใหญ่มหาศาล หลังจากที่สมเด็จพระนารายณ์ครองราชย์ได้ 10 ปี โปรดเกล้าฯ ให้สร้างพระราชวังที่ลพบุรีในปี พ.ศ. 2209 ครับ ซึ่งพระนารายณ์ราชนิเวศน์ เป็นพระราชวังที่มีโครงสร้างสถาปัตยกรรมแบบตะวันตก ผสมผสานกับความเป็นไทยโดยได้รับอิทธพลรูปแบบจากฝรั่งเศส ส่วนด้านโบราณสถานที่เราเข้ามาเยี่ยมชมนี้ เคยถูกปล่อยทิ้งร้างและพังเสียหายเป็นเวลาเนิ่นนาน เมื่อถึงรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 ได้โปรดเกล้าบูรณะซ่อมแซม และสร้างพระที่นั่งเพิ่มขึ้นเพื่อใช้เป็นราชธานีสำรองไว้ครับ เมื่อเราไปถึงพระราชวังฯ ก็สามารถซื้อบัตรเข้าชมพระราชวังเพียง 30 บาท เราจะเห็นกำแพงวังสีขาวประตูทางเข้าใหญ่โต ด้านขวาจะเป็นสำนักงานพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระราชวังฯ มีเนื้อที่กว่า 42 ไร่ ด้านหลังติดแม่น้ำลพบุรี แบ่งเป็น 3 ส่วนคือเขตพระราชฐานชั้นนอก มีกำแพงพระราชวังก่ออิฐถือปูนสูงใหญ่ โดยรอบมีใบเสมาเรียงรายบนสันกำแพง ซึ่งเป็นที่ตั้งของอ่างเก็บน้ำ หมู่สิบสองท้องพระคลัง ตึกเลี้ยงต้อนรับแขกเมือง ตึกพระเจ้าเหา โรงช้าง   ส่วนเขตพระราชฐานชั้นกลาง จะมีกำแพงพระราชวังชั้นใน ทำเป็นช่องสำหรับดวงประทีบ มีประตูทางเข้าถึง 7 […]

ตำนานเมืองละโว้ แผ่นดินทองของสมเด็จพระนายณ์มหาราช

เป็นอีกหนึ่งเมืองสำคัญ ที่มีความโดดเด่นที่สุดในสมัยสมเด็จพระนารายณ์ ซึ่งเมืองลพบุรีนั้น ตามประวัติศาสตร์ในพงศาวดารโยนก กล่าวว่า ผู้สร้างเมืองลพบุรีหรือที่เรียกว่า “ละโว้” ในสมัยโบราณ คือ “พระเจ้ากาฬวรรณดิษ” ราชโอรสแห่งพระเจ้ากรุงขอม ซึ่งสร้างขึ้นในปี พ.ศ.1002 และเป็นเมืองที่มีความสำคัญมาตั้งแต่สมัยทวารวดีด้วย วันนี้ Smart SME จะพาไปบุกค้นหาตำนานเมืองละโว้ จังหวัดลพบุรีกันครับ ตั้งแต่ยุคก่อนประวัติศาสตร์ บ้างก็เรียกว่า ลวรัฐ หรือ ลวปุระ ในปลายยุคอาณาจักรทวารวดี หากสังเกตุโบราณสถานจะเป็นศิลปะขอม ซึ่งมีการขุดค้นพบหลักฐานที่แสดงถึงความเป็นอยู่ของมนุษย์จากภาชนะเครื่องใช้ดินเผา หม้อ ไห ขวาน เครื่องประดับเป็นจำนวนมากในบริเวณกว้างขวาง รวมถึงการขุดค้นพบโครงกระดูกที่บ้านทินพรหมใต้ อำเภอโคกสำโรง หรือโบราณสถานพระปรางค์นางหอม ที่อำเภอลำสนธิ ซากสถูปเจดีย์จำนวนมาก และพระปรางค์สามยอด ที่อำเภอเมืองในปัจจุบัน มีการบันทึกว่า พระเจ้าชัยวรมันที่ 7 ส่งพระราชโอรส ผู้มีฉายาว่า “ลโว้ทะเยศ” มาครองละโว้ และสร้างพระปรางค์สามยอดที่นี่เองครับ ซึ่งประมาณปลายพุทธศตวรรษที่ 17 อาณาจักรละโว้ ถูกรวมเป็นส่วนหนึ่งของอาณาจักรอยุธยา แต่ด้วยความปราดเปรื่องและมองการณ์ไกล ของสมเด็จพระนารายณ์ พ.ศ. 2199 ที่ทรงเห็นว่าละโว้เป็นชัยภูมิที่ดีเยี่ยม […]

ลพบุรีแค่ 2 ชั่วโมงเศษๆ ก็พบกับอาณาจักรเมืองละโว้

ไปลพบุรีแค่ 2 ชั่วโมงเศษๆ ก็พบกับอาณาจักรเมืองละโว้ลพบุรี หลายคนอาจจะนึกว่ามันไม่มีที่เที่ยวมากมายเท่าไหร่ คุณอาจยังค้นหาไม่ลึกเท่าไรว่า จังหวัดลพบุรีมีสถานที่ท่องเที่ยวเยอะและสวยมาก เล่าไปอาจจะไม่เชื่อ เอ๊!เชื่อไม่เชื่อยังไงลองอ่านดู ถ้าชอบก็ขับรถตามมา จากกรุงเทพ-ลพบุรี 2 ชั่วโมงเศษๆหากเล่าถึงจังหวัดลพบุรีเมื่อไหร่ ลิงเป็นฝูงก็โผล่ขึ้นมาในหัวทุกที ลพบุรีมีประวัติศาสตร์ไทยไม่แพ้อยุธยาเลยครับโดยเฉพาะในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราชที่ทรงสร้างเมืองละโว้ (ลพบุรีปัจจุบัน) เป็นเมืองรองจากกรุงศรีอยุธยในสมัยนั้น วันนี้ Smart SME จะพาทุกท่านไปเยือนพระราชวังพระนารายณ์ราชนิเวศน์ ที่แสดงให้เห็นถึงความยิ่งใหญ่อลังการ เจริญรุ่งเรือง กับสถาปัตยกรรมผสมศิลปะตะวันตกได้อย่างน่าอัศจรรย์ยิ่งช่วย 4-5 เดือนที่ผ่าน กระแสละคร บุพเพสันนิวาส “อ่อเจ้า” ทำเอาคนไทยทั้งประเทศอินจัด ออกมาหาสถานที่ท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ และโบราณสถานพร้อมแต่งชุดไทยออกมาถ่ายภาพ จึงเป็นผลพลอยได้ในเชิงบวกไปด้วยในช่วงนั้น จังหวัดลพบุรีก็เป็นอีกหนึ่งในสถานที่ที่หลายๆคนเลือกมาหนึ่งในนั้นคือ พระราชวังพระนารายณ์ราชนิเวศน์ ซึ่งพระนารายณ์ราชนิเวศน์ หรือที่ชาวเมืองลพบุรีเรียกกันติดปากว่า วังนารายณ์ เป็นพระราชวังโบราณสมัยกรุงศรีอยุธยา ที่แสดงถึงความรุ่งเรืองสูงสุดสมัยหนึ่งของเมืองละโว้ ปัจจุบันกลายเป็นพิพิธภัณฑ์ที่ใช้จัดแสดงโบราณวัตถุ และภาพประวัติศาสตร์ต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง หากกางแผนที่ประเทศไทย จะเห็นว่าลพบุรี มีชัยภูมิที่ดีเยี่ยม มีแม่น้ำลพบุรี และแม่น้ำป่าสักไหลผ่าน ซึ่งลพบุรีเป็นจุดศูนย์กลางที่สามารถจะเดินทางไปทางเหนือ อีสาน ลงใต้ได้อย่างคล่องตัว ทำให้ปัจจุบันลพบุรีมีความคึกคักในหลายๆด้านทั้งสถานที่ท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์หรือสถานที่ท่องเที่ยวธรรมชาติที่ยังคงสมบูรณ์ อีกหนึ่ง Signature ของลพบุรี […]

OTOP นวัตวิถี…จากภูมิปัญญาสู่ความเข้มแข็งของท้องถิ่น โดยกรมธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์

ท่องเที่ยวชุมชน ‘แอ่งเล็ก’ Check-in ชุมชนท่องเที่ยว OTOP นวัตวิถี

กรมการพัฒนาชุมชน เดินหน้าขับเคลื่อน “ไทยนิยมยั่งยืน” พลิกโฉมนวัตกรรมโอทอป ยกระดับผลิตภัณฑ์เพื่อสร้างอาชีพและรายได้แก่ชุมชน OTOP นายนิสิต จันทร์สมวงศ์ อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน เป็นประธานเปิดกิจกรรม รณรงค์การท่องเที่ยวชุมชน และ”สัมมนา Blogger พาทัวร์ท่องเที่ยว OTOP นวัตวิถี” เพื่อสนับสนุนการขับเคลื่อนชุมชนท่องเที่ยว ภายใต้โครงการชุมชนท่องเที่ยว OTOP นวัตวิถี รัฐบาลภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช.ได้จัดทำยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี (พ.ศ. 2560-2579) วางแนวทางในการพัฒนาเพื่อนำประเทศไปสู่ความ “มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน” ประกอบไปด้วย 6 ด้าน ในส่วนของโครงการชุมชนท่องเที่ยว OTOP นวัตวิถี รัฐบาลได้มีการสนับสนุนงบจำนวน 9,328,000,000 บาท เพื่อขับเคลื่อนภารกิจโครงการไทยนิยมยั่งยืนดังกล่าว โดยเป้าหมาย เป็นการสร้างชุมชนเข้มแข็ง ยกระดับการพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อสร้างอาชีพและรายได้แก่ชุมชน การสร้างตลาดใหม่ การเชื่อมโยง OTOP กับการท่องเที่ยวชุมชน เพื่อลดความเหลื่อมล้ำ กระจายรายได้สู่เศรษฐกิจฐานราก พัฒนาคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น และคนมีความสุข “ผลสัมฤทธิ์ของโครงการดังกล่าวจะสามารถช่วยลดความเหลื่อมล้ำทางสังคม […]

ชุมชน ท่องเที่ยวภาคเหนือ 16 จังหวัด 35 หมู่บ้าน สร้างงาน สร้างอาชีพ สร้างรายได้

นายโชคชัย แก้วป่อง รองอธิบดีกรมการพัฒนา ชุมชน เป็นประธานพิธีเปิดโครงการ “ชุมชนท่องเที่ยว OTOP นวัตวิถี” ภายใต้โครงการ “ไทยนิยม ยั่งยืน” และมอบแนวทางการจัดกิจกรรมเตรียมความพร้อมเพื่อจัดแสดงผลความสำเร็จของชุมชนท่องเที่ยว OTOP นวัตวิถี จุดที่ 2 (ภาคเหนือ) โดยมีกลุ่มเป้าหมายในพื้นที่ 16 จังหวัด 35 หมู่บ้านเข้าร่วม ระหว่างวันที่ 22-26 พ.ย.61 ณ อิมแพ็ค เอ็กซิบิชั่น เซ็นเตอร์ ฮอลล์ 5-7 เมืองทองธานี อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรีรองอธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน กล่าวว่า โครงการ “ชุมชนท่องเที่ยว OTOP นวัตวิถี” ภายใต้โครงการ “ไทยนิยม ยั่งยืน” เป็นโครงการซึ่งรัฐบาลภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มีแนวทางในการใช้การท่องเที่ยว เสน่ห์ชุมชน ดึงดูดนักท่องเที่ยวสู่ชุมชนจำนวน 3,273 ชุมชนในโครงการ เพื่อกระตุ้นให้เกิดการกระจายรายได้สู่ฐานราก เกิดการสร้างงาน สร้างอาชีพ สร้างรายได้ […]

พายุ น้ำ ฝน รู้ได้ในแอปฯเดียว ThaiWater Mobile Application

ThaiWater เป็นแอปพลิเคชันสำหรับติดตามสถานการณ์น้ำและสภาพอากาศของประเทศไทย จากคลังข้อมูลน้ำและภูมิอากาศแห่งชาติ โดยสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำและการเกษตร (องค์การมหาชน) กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ที่พัฒนาต่อยอดมาจากโครงการระบบเครือข่ายเพื่อการจัดการทรัพยากรน้ำแห่งประเทศไทย ในพระราชดำริพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เพื่อให้ประชาชนทั่วไปเข้าถึงและเข้าใจข้อมูลเรื่องน้ำและอากาศได้ง่ายขึ้น แอปพลิเคชัน ThaiWater จะเป็นสรุปภาพรวมเกี่ยวกับสถานการณ์น้ำและอากาศ ทั้งสถานการณ์พายุ ปริมาณฝนตก 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา ระดับน้ำในลุ่มน้ำ ปริมาณน้ำในเขื่อน คาดการณ์ฝนและคลื่นในอ่าวไทยล่วงหน้า 3 วัน ข้อมูลสำคัญในการติดตามสถานการณ์น้ำและอากาศ ประกอบด้วย“ฝน” จะแสดงข้อมูลปริมาณน้ำฝน ว่าแต่ละพื้นที่ของประเทศมีปริมาณฝนตกมากน้อยเพียงใด รวมทั้งสามารถดูภาพรวมฝนตกทั่วประเทศในรูปแผนที่ได้ และยังเลือกดูกราฟปริมาณน้ำฝนย้อนหลัง 7 วัน และ 24 ชั่วโมง ในแต่ละพื้นที่ได้ด้วย “ระดับน้ำ” จะแสดงข้อมูลของระดับน้ำที่สถานีวัดต่างๆ เมื่อกดเข้าไปดูข้อมูลของสถานีนั้น จะมีกราฟแสดงปริมาณน้ำย้อนหลัง 3 วัน และ 24 ชั่วโมง โดยกราฟจะแสดงข้อมูลระดับน้ำ ระดับท้องน้ำ และระดับตลิ่ง นอกจากนี้ยังสามารถกดเพิ่ม “สถานที่โปรด” คือการเพิ่มจังหวัดต่างๆ ที่ต้องการดูข้อมูล และดูการ “แจ้งข่าว” เกี่ยวกับสถานการณ์น้ำต่างๆ ได้ด้วย จากคลังข้อมูลน้ำของพระราชา พัฒนาเป็นคลังข้อมูลน้ำและภูมิอากาศแห่งชาติ […]

จาก คลังข้อมูลน้ำ ของพระราชา สู่คลังข้อมูลน้ำและภูมิอากาศแห่งชาติ

เมื่อปี พ.ศ. 2538 เกิดวิกฤตน้ำท่วมใหญ่ในพื้นที่ภาคกลางและกรุงเทพมหานคร พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ได้ทรงงานแก้ไขปัญหาน้ำท่วม และทรงพบว่าข้อมูลด้านทรัพยากรน้ำของประเทศไทยยังขาดการบูรณาการ จึงได้พระราชทานพระราชดำริให้พัฒนาระบบข้อมูลเพื่อใช้บริหารจัดการน้ำของประเทศไทย จนเกิดเป็น “โครงการระบบเครือข่ายเพื่อการจัดการทรัพยากรน้ำแห่งประเทศไทย” เมื่อปี พ.ศ. 2541 โดยมอบหมายให้สถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำและการเกษตร ซึ่งในขณะนั้นยังเป็นหน่วยงานวิจัยภายใต้สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ รับผิดชอบดำเนินการพัฒนาระบบสารสนเทศเชื่อมต่อและเก็บรวบรวมข้อมูลทรัพยากรน้ำลุ่มน้ำเจ้าพระยาทั้งหมดจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ข้อมูลจากระบบดังกล่าว ได้ถวายรายงานพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ผ่านเว็บไซต์ทรงงานส่วนพระองค์ weather901 ซึ่งเป็นเว็บไซต์ทรงงานที่มีข้อมูลน้ำ ลม ฝน แสดงผลอยู่ในหน้าเดียวกัน ทรงติดตามสถานการณ์น้ำผ่านเว็บไซต์นี้เป็นประจำ ทำให้ทรงทราบสถานการณ์ฝนและน้ำอย่างถูกต้องและรวดเร็ว จากพระราชดำริที่เป็นจุดเริ่มต้นของการพัฒนาระบบข้อมูลน้ำของประเทศไทย ที่เปรียบเสมือน “คลังข้อมูลน้ำของพระราชา” ได้พัฒนามาอย่างต่อเนื่อง จนในปี พ.ศ. 2555 กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โดยสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำและการเกษตร (องค์กามาหชน) หรือ สสนก. ได้น้อมนำแนวพระราชดำริ ขยายผลการพัฒนาระบบเป็น “คลังข้อมูลน้ำและภูมิอากาศแห่งชาติ” รวบรวมและจัดเก็บข้อมูลจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องด้านทรัพยากรน้ำและภูมิอากาศจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพิ่มขึ้น ปัจจุบันมีข้อมูลจาก 35 หน่วยงาน 390 รายการ ประกอบด้วย ข้อมูลติดตามสภาพอากาศ เช่น เส้นทางพายุ ภาพถ่ายจากดาวเทียม การติดตามและคาดการณ์สภาพอากาศจากค่าความสูงน้ำทะเลและอุณหภูมิผิวน้ำทะเล […]

การสื่อสาร ช่วยลดความทุกข์เข็ญของคนในพื้นที่ห่างไกล

พระราชอัจฉริยภาพด้านวิทยุสื่อสาร เป็นพระอัจฉริยภาพหนึ่งในหลายด้านของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เมื่อทรงสำเร็จการศึกษาพระองค์ก็ทรงเสด็จกลับประเทศไทย และได้ทรงเสด็จพระราชดำเนินย่ำพระบาทไปในหลายพื้นที่ที่ล้วนแล้วแต่เป็นพื้นที่ห่างไกล ทุรกันดาร การเสด็จในแต่ละครั้งนอกจากการคมนาคมด้วยถนนหนทางแล้ว สิ่งที่จะทำให้เจ้าหน้าที่หรือชาวบ้านในพื้นที่ห่างไกล สามารถติดต่อกับคนภายนอกได้หรือขอความช่วยเหลือจากทางการเมื่อเกิดทุกข์เข็ญได้นั่นก็คือ การสื่อสาร ด้วยเหตุนี้ ในปี พ.ศ. 2511 พระองค์ทรงเริ่มต้นจริงจังกับระบบวิทยุสื่อสาร โดยทรงใช้เครื่องรับ – ส่งวิทยุ VHF/FM FM-5 เพื่อเฝ้าฟังเหตุการณ์ต่าง ๆ ภายในบ้านเมือง และติดต่อกับเครือข่าย “ปทุมวัน” และ “ผ่านฟ้า” นอกจากนี้ พระองค์ทรงสนใจตรวจซ่อมและปรับแต่งเครื่องรับ – ส่งวิทยุสื่อสารที่ทรงใช้งานอยู่ด้วยพระองค์เอง และยังทรงสนพระทัยด้านสายอากาศและสายนำสัญญาณ โดยรับสั่งว่า “การรับวิทยุก็ดี การส่งวิทยุก็ดี ถ้าไม่มีสายอากาศหรือสายอากาศไม่ดี จะใช้เครื่องส่งกำลังสูงเพียงใด เครื่องรับจะดีเพียงใด ก็ไม่สามารถช่วยให้การสื่อสารทางวิทยุมีประสิทธิภาพสูงได้” ทรงมีพระราชดำริให้ทำการศึกษาวิจัย รวมถึงการออกแบบและสร้างสายอากาศย่านความถี่สูงมากหรือที่เรียกว่า VHF เพื่อพัฒนาสายอากาศให้นำมาใช้ประโยชน์แก่ประเทศชาติ และในบางโอกาสยังทรงพระราชทานคำแนะนำทางด้านเทคนิคเกี่ยวกับการปรับแต่งเครื่องรับ – ส่งวิทยุที่มีความซับซ้อน ตลอดจนพระราชทานความรู้เกี่ยวกับสายอากาศและการเผยแพร่กระจายคลื่น และลักษณะการถูกรบกวนของคลื่นวิทยุในข่ายต่าง ๆ และวิธีการที่จะแก้ไขการรบกวนนั้นด้วย พระองค์ทรงนำความรู้เกี่ยวกับคลื่นวิทยุมาใช้ในการช่วยเหลือราษฎร และพัฒนาประเทศให้มีความทันสมัย อีกทั้งพระองค์ยังทรงมองเห็นว่าเทคโนโลยีการสื่อสารคือกุญแจสำคัญที่จะช่วยให้การงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น จึงเริ่มมีแนวคิดที่จะพัฒนาอุปกรณ์การสื่อสารอื่น ๆ นอกเหนือไปจากวิทยุ […]

กังหันน้ำชัยพัฒนา เครื่องกลเติมออกซิเจนให้น้ำแบบประหยัด

แนวทางแก้ปัญหาการขาดออกซิเจนในน้ำ มีหลายวิธี เช่น การควบคุมปริมาณพืชน้ำไม่ให้มากเกินไป การควบคุมปริมาณขยะ (โดยเฉพาะสารอินทรีย์) และอีกวิธีหนึ่งที่สำคัญคือการเติมอากาศให้กับน้ำ ซึ่งเป็นวิธีการที่สามารถเติมออกซิเจนให้กับน้ำด้วยเช่นกัน ที่มาของ กังหันน้ำชัยพัฒนา ด้วยพระปรีชาสามารถของ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ที่ทรงเห็นความสำคัญของน้ำและทรงเป็นนักแก้ปัญหา จึงมีพระราชดำริให้ประดิษฐ์เครื่องกลเติมอากาศแบบประหยัดโดยใช้แนวทางจาก “หลุก” ซึ่งเป็นอุปกรณ์ที่ใช้วิดน้ำเข้านา มีชื่อว่า “กังหันน้ำชัยพัฒนา” กังหันน้ำชัยพัฒนา คือเครื่องกลที่มีลักษณะเป็นกังหันน้ำแบบทุ่นลอยมีทั้งรูปแบบตั้งอยู่กับที่และที่สามารถเคลื่อนที่ได้ ซึ่งใช้ในการบำบัดน้ำเสียได้ไม่แตกต่างกัน โดยใช้กังหันวิดน้ำไปบนผิวน้ำแล้วปล่อยให้ตกลงผิวน้ำตามเดิม และน้ำจะถูกสาดกระจายสัมผัสอากาศทำให้ออกซิเจนละลายน้ำ น้ำเสียจึงมีคุณภาพดีขึ้น สามารถนำไปใช้บำบัดน้ำเสียจากทั้งแหล่งชุมชน อุตสาหกรรมและการเกษตร หลักการคือ การเพิ่มออกซิเจนให้กับน้ำจะช่วยให้จุลินทรีย์ย่อยสลายสารอินทรีย์ในน้ำเสียได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพราะจุลินทรีย์จะสามารถใช้ออกซิเจนในการหายใจระหว่างที่ย่อยสารอินทรีย์ต่างๆ ได้ แหล่งน้ำที่ใช้กังหันน้ำชัยพัฒนาในการบำบัดน้ำเสีย สามารถทำให้น้ำใสขึ้น ลดกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์ และมีปริมาณออกซิเจนในน้ำเพิ่มขึ้น ตลอดจนสามารถบำบัดความสกปรกในรูปแบบมวลสารต่างๆให้ลดลงได้ตามเกณฑ์มาตรฐานกำหนด กังหันชัยพัฒนาจึงเป็นที่ยอมรับในประสิทธิภาพในการบำบัดน้ำเสียทั้งในประเทศและต่างประเทศ สามารถแก้ปัญหาและปรับปรุงคุณภาพน้ำให้ดีขึ้นได้ โดยใช้เทคโนโลยีที่เรียบง่ายแต่ผลที่ได้ถือว่าคุ้มค่าทีเดียว   ที่มา : http://www.most.go.th/main/th/knowledge/sti-genius-of-king/7363-2018-06-19-06-20-02

ผักตบชวา เครื่องกรองน้ำธรรมชาติ

ผักตบชวา จัดเป็นวัชพืชต่างถิ่นแพร่ระบาดรุกราน ก่อให้เกิดความเสียหายต่อระบบนิเวศ จากหลักฐานพบว่าผักตบชวาถูกนำเข้ามาจากประเทศอินโดนีเซียในสมัยรัชกาลที่ 5 จากนั้นได้แพร่ระบาดอย่างมากในแม่น้ำและแหล่งน้ำในจังหวัดต่าง ๆ ทั่วประเทศ การจัดการผักตบชวาเริ่มตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 6 ทั้งการควบคุมจำนวนประชากรผักตบชวา และการใช้ประโยชน์ผักตบชวา อย่างไรก็ตามผักตบชวามีคุณสมบัติทำหน้าที่เป็นตัวกรองของแข็งหรือสารแขวนลอยต่าง ๆ ที่ปนอยู่ในน้ำเอาไว้ ประกอบกับระบบรากของผักตบชวาที่มีจำนวนมากยังช่วยกรองสารอินทรีย์และยังมีจุลินทรีย์ที่อาศัยอยู่บริเวณรากช่วยดูดสารเหล่านี้เอาไว้อีกทางหนึ่ง นำไปสู่การบำบัดน้ำเสียที่ “บึงมักกะสัน” เป็นโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช โดยใช้รูปแบบ “เครื่องกรองน้ำธรรมชาติ” คือ การใช้ผักตบชวาดูดซับความโสโครกและสารพิษจากน้ำเน่าเสีย หลักการทำงานคือ เป็นระบบบำบัดน้ำเสียแบบธรรมชาติที่เรียกว่า ระบบ Oxidation Pond หรือ “ระบบสายลมและแสงแดด” เป็นการทำงานร่วมกันระหว่างสาหร่ายกับแบคทีเรีย กลางวัน สาหร่ายจะสังเคราะห์แสงโดยใช้คาร์บอนไดออกไซด์ในน้ำและแสงแดดได้เป็นออกซิเจน จากนั้นแบคทีเรียใช้ออกซิเจนในการย่อยสลายน้ำเสีย ผลพลอยได้คือ คาร์บอนไดออกไซด์ สาหร่ายก็จะใช้ในการสังเคราะห์แสงต่อไป ทำให้สาหร่ายและแบคทีเรียดำรงชีวิตอยู่ร่วมกันได้ โดยต่างพึ่งพาอาศัยกันและกัน นอกจากผักตบชวาจะช่วยทำให้น้ำสะอาดแล้ว ยังช่วยสะสมพลังงานจากดวงอาทิตย์ ทำให้อากาศบริสุทธิ์และเย็นสบาย ช่วยลดปัญหาที่เกิดจากวัชพืชใต้น้ำ เป็นที่อยู่อาศัยของปลาและสัตว์น้ำหลายชนิดอีกด้วย จากข้อมูลพื้นฐานเกี่ยวกับผักตบชวาและประโยชน์ของผักตบชวา พบว่าสามารถนำมาทำเป็นเชื้อเพลิงแท่ง ใช้ผลิตเป็นงานจักสาน ใช้ทำปุ๋ยหมัก ใช้เลี้ยงสัตว์ และแปรรูปเป็นอาหารสัตว์ หากทุกคนมีการจัดการที่ดีและการร่วมกันเผยแพร่ข้อมูลที่ถูกต้องให้มากขึ้น ทุกคนอาจมีส่วนช่วยให้จำนวนของผักตบชวาลดน้อยลงได้   ที่มา : […]

23 หลักการทรงงาน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๙

ในหลวงรัชกาลที่ ๙ ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ ที่นอกจากจะทรงด้วยทศพิธราชธรรมแล้ว ยังทรงเป็นพระราชาที่เป็นแบบอย่างในการดำเนินชีวิต และการทำงานให้แก่พสกนิกรของพระองค์ และนานาประเทศอีกด้วย ซึ่งแนวคิดหรือ หลักการทรงงานของในหลวงรัชกาลที่ ๙ สามารถนำมาปรับใช้ให้เกิดประโยชน์ได้ ดังนี้ หลักการทรงงาน ในหลวงรัชกาลที่ ๙ 1.จะทำอะไรต้องศึกษาข้อมูลให้เป็นระบบ ทรงศึกษาข้อมูลรายละเอียดอย่างเป็นระบบจากข้อมูลเบื้องต้น ทั้งเอกสาร แผนที่ สอบถามจากเจ้าหน้าที่ นักวิชาการ และราษฎรในพื้นที่ให้ได้รายละเอียดที่ถูกต้อง เพื่อนำข้อมูลเหล่านั้นไปใช้ประโยชน์ได้จริงอย่างถูกต้อง รวดเร็ว และตรงตามเป้าหมาย 2.ระเบิดจากภายใน จะทำการใดๆ ต้องเริ่มจากคนที่เกี่ยวข้องเสียก่อน ต้องสร้างความเข้มแข็งจากภายในให้เกิดความเข้าใจและอยากทำ ไม่ใช่การสั่งให้ทำ คนไม่เข้าใจก็อาจจะไม่ทำก็เป็นได้ ในการทำงานนั้นอาจจะต้องคุยหรือประชุมกับลูกน้อง เพื่อนร่วมงาน หรือคนในทีมเสียก่อน เพื่อให้ทราบถึงเป้าหมายและวิธีการต่อไป 3.แก้ปัญหาจากจุดเล็ก ควรมองปัญหาภาพรวมก่อนเสมอ แต่เมื่อจะลงมือแก้ปัญหานั้น ควรมองในสิ่งที่คนมักจะมองข้าม แล้วเริ่มแก้ปัญหาจากจุดเล็กๆ เสียก่อน เมื่อสำเร็จแล้วจึงค่อยๆ ขยับขยายแก้ไปเรื่อยๆ ทีละจุด เราสามารถเอามาประยุกต์ใช้กับการทำงานได้ โดยมองไปที่เป้าหมายใหญ่ของงานแต่ละชิ้น แล้วเริ่มลงมือทำจากจุดเล็กๆ ก่อน ค่อยๆ ทำ ค่อยๆ แก้ไปทีละจุด งานแต่ละชิ้นก็จะลุลวงไปได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ “ถ้าปวดหัวคิดอะไรไม่ออก ก็ต้องแก้ไขการปวดหัวนี้ก่อน […]

แกล้งดิน ให้หายเปรี้ยว ฟื้นสภาพดินริมชายฝั่งทะเล

ดินเปรี้ยวคือดินที่มีความเป็นกรดอย่างรุนแรงเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้การเจริญเติบโตของพืชและผลผลิตของพืชตกต่ำ เพราะทำให้ความเป็นประโยชน์ของธาตุอาหารหลักของพืชลดลงหรือมีไม่พอเพียงต่อความต้องการของพืช ธาตุอาหารของพืชที่มีอยู่ในระดับต่ำคือ ไนโตรเจน ฟอสฟอรัส ส่วนธาตุอาหารของพืชบางชนิดมีเกินความจำเป็นซึ่งจะก่อให้เกิดอันตรายต่อการเจริญเติบโตและผลผลิตของพืชที่ปลูก เช่น อลูมิเนียม เหล็ก แมงกานีส และความเป็นกรดจัดยังมีผลต่อกิจกรรมของจุลินทรีย์ที่อาศัยอยู่ในดินและมีประโยชน์ต่อพืชมีปริมาณที่ลดลง จึงเป็นที่มาของการ แกล้งดิน โครงการศึกษาทดลองการแก้ไขปัญหาดินเปรี้ยวอันเนื่องมาจากพระราชดำริแนวทฤษฎีการแก้ไขปัญหาดินเปรี้ยว โดยใช้แนวทฤษฎี “แกล้งดิน” ในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เริ่มจากการ แกล้งให้ดินเปรี้ยว ด้วยการทำให้ดินแห้งและเปียกสลับกันไป เพื่อเร่งปฏิกิริยาทางเคมีของดิน เป็นการ แกล้งดินให้เปรี้ยวจนถึงสุดขีด จากนั้นจึงใช้วิธีการแก้ปัญหาดินเปรี้ยวตามแนวพระราชดำริต่อไป โดยป้องกันไม่ให้น้ำเค็มหรือน้ำกร่อยเข้ามาในบริเวณพื้นที่ และจะต้องใส่สารปรับปรุงดินพวกปูน เช่น ปูนขาว ปูนมาร์ล หินปูนบดละเอียดหรือเปลือกหอยเผาเพื่อให้ทำปฏิกิริยาแก้ความเป็นกรดในดิน ควบคู่ไปกับการใส่ปุ๋ยเพื่อเพิ่มธาตุอาหารพืช ซึ่งถือเป็นลู่ทางที่เหมาะสมในการแก้ปัญหาดินเปรี้ยวจัดเพื่อเพิ่มปริมาณผลผลิตให้สูงขึ้น ซึ่งเป็นการแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจและสังคม รวมทั้งเป็นการแก้ปัญหาการใช้ทรัพยากรดินให้เกิดประโยชน์อย่างคุ้มค่า มีประสิทธิภาพ และยั่งยืนต่อไป ที่มา : http://www.most.go.th/main/th/knowledge/sti-genius-of-king/7360-2018-06-19-05-01-18

หญ้าแฝก ของดีมีประโยชน์ตามธรรมชาติ

หากมองย้อนกลับไปที่จุดเริ่มต้นของการนำ หญ้าแฝก หญ้าที่คนทั่วไปมองข้าม และดูเหมือนมีประโยชน์เพียงเล็กน้อย จนหลายคนเห็นเป็นโทษ ต้องอาศัยศาสตร์มากมายหลากหลายด้านที่จะก่อให้เกิดหลักการเรียนรู้ สร้าง และพัฒนา กว่าจะถูกนำมาปรับใช้เป็นพืชบุกเบิกในการปรับปรุงและเปลี่ยนแปลงสภาพดินและสภาพแวดล้อมได้ ต้องอาศัยการศึกษาและการสังเกต ดังพระบรมราโชวาทบางตอนที่ว่า “ทุกคนควรจะได้สนใจสังเกต ศึกษาเรื่องราว บุคคลและสิ่งต่าง ๆ ที่แวดล้อมและเกี่ยวข้องกับตัวเองให้มากอย่าละเลยหรือมองข้ามแม้แต่สิ่งเล็กน้อยเช่น ต้นหญ้า ซึ่งถ้าศึกษาพิจารณาให้ดีก็จะก่อให้เกิดปัญญาได้ หญ้านั้นมีทั้งหญ้าที่เป็นวัชพืชซึ่งเป็นโทษ และหญ้าที่มีคุณอย่าง หญ้าแฝก ซึ่งเป็นประโยชน์อย่างยิ่งแก่การอนุรักษ์ดินและน้ำ เพราะมีรากที่หยั่งลึกแผ่กระจายลงไปตรง ๆ ทำให้อุ้มน้ำและยึดเหนี่ยวดินได้มั่นคงและมีลำต้นชิดติดกันแน่นหนา ทำให้ดักตะกอนดินและรักษาหน้าดินได้ดี” พระบรมราโชวาทของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม 2540 นอกเหนือจากการศึกษาเรียนรู้ว่า หญ้าแฝกสามารถนำมาปลูกเพื่อป้องกันการชะล้างพังทลายของดินและปรับปรุงสภาพแวดล้อมให้ดีขึ้น ในหลวงรัชกาลที่ 9 ยังพระราชทานแนวพระราชดำริให้พัฒนารูปแบบและวิธีการการปลูกหญ้าแฝกเพื่อป้องกันการชะล้างพังทลายของดิน ยังโปรดให้ส่งเสริมการศึกษาเรื่องหญ้าแฝกทั้งทางด้านการนำหญ้าแฝกมาใช้เป้นวัสดุแทนไม้ในอุตสาหกรรมเฟอร์นเจอร์และตกแต่งภายใน การปลูกแฝกเพื่อดูดซับสารพิษและอื่นๆ อีกมากมายเกี่ยวกับประโยชน์จากหญ้าแฝก รวมถึงการเผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับแฝกในทุกๆ ด้านรวมถึงการส่งเสริมการปลูกและส่งเสริมอุตสหกรรมและตลาดรองรับการนำหญ้าแฝกมาใช้ให้แก่ประชาชนโดยทั่วไป ปัจจุบันเราได้เห็นและเรียนรู้แล้วว่าหญ้าแฝกเป็นหญ้าที่สามารถนำมาปลูกเพื่อป้องกันการชะล้างพังทลายของดินและปรับปรุงสภาพแวดล้อมให้ดีขี้น และยังนำมาใช้ประโยขน์ทั้งเป็นพืชอาหารสัตว์ งานหัตถกรรม และการนำมาทำน้ำหอม   ที่มา : http://www.most.go.th/main/th/knowledge/sti-genius-of-king/7359-2018-06-19-04-50-07

ถวายระฆังให้วัด ชีวิตดีมีชื่อเสียงโด่งดัง

จากกระแสดราม่าโวยพระตีระฆังดัง กวนเวลานอน ทำให้คนอาศัยในคอนโดฯ ถึงกับนอนไม่หลับจากเสียงระฆังที่พระสงฆ์ตื่นมาตีระฆังตอนรุ่งเช้าเพื่อทำกิจของสงฆ์ จนเกิดเสียงของระฆังดังกังวานไปไกล วันนี้ Smart SME มีเรื่องเล่าเกี่ยวกับความเชื่อด้านการทำบุญถวายระฆังมาฝากกัน… เพราะ เสียงระฆัง คือเสียงแห่งสวรรค์ สัญญาณแห่งบุญ ความดี สิริมงคล ระฆัง เป็นสัญลักษณ์แห่งความดี เกียรติยศชื่อเสียง เป็นเสมือนประตูก้าวสู่สรวงสวรรค์ และถ้าด้านความเชื่อ คนที่มีชื่อเสียงในด้านดี เป็นที่รู้จักของคนในสังคม ไม่ว่าจะพูดหรือทำอะไรก็มักได้รับความน่าเชื่อถือตลอดไว้วางใจมากที่สุด เสียงของระฆังดังก้องกังวานนั้นหมายถึง ใครที่กำลัง หากทำงานเกี่ยวข้องการกับการใช้เสียง เช่นเป็นนักร้อง พิธีกร หรือฝ่ายขายที่ต้องติดต่อพูดจากับลูกค้า จะก้าวหน้าเป็นพิเศษ ซึ่งเราได้รวบรวมแหล่งผลิตระฆังในประเทศไทย เพื่อเป็นอีกทางเลือกที่ใครอยากจะซื้อไปถวายวัด ดังนี้       ร้านบูชาสังฆภัณฑ์ www.buchasangkapan.com เบอร์โทร.083-179-9099       โรงหล่อดังกังวาน สนใจติดต่อได้ที่ : ช่างเชิดศักดิ์ 081-966-2477 /0943106233 ID LINE = CHERD2477 **ระฆังทุกใบเสียงดังกังวานใช้งานได้จริง**   โรงหล่อระฆังเมืองอุบล ขายระฆังคุณภาพ ราคาถูก […]

คลองลัดโพธิ์ ด่านสำคัญ ป้องกันน้ำท่วมกรุงเทพมหานคร

คลองลัดโพธิ์ ด่านสำคัญ ป้องกันน้ำท่วมเมืองกรุง วันที่ 7 พฤศจิกายน 2538 พระบาทสมเด็จพระ ปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ได้พระราชทาน พระราชดำริ ให้กรมชลประทานและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมกันศึกษาพิจารณาวางโครงการและดำเนินการปรับปรุง ขุดลอก พร้อมก่อสร้างประตูระบายน้ำและอาคาร ประกอบในคลองลัดโพธิ์ จังหวัดสมุทรปราการ ที่แต่เดิมมีสภาพตื้นเขินมาก เพื่อย่นระยะทางการไหลของน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาบริเวณคุ้งน้ำช่วงที่ไหลผ่านเขตพื้นที่ บางกระเจ้า จังหวัดสมุทรปราการ ระยะทาง 18 กิโลเมตร ให้เหลือเพียง 600 เมตร ทำให้น้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาไหลลัดลงทะเลได้สะดวกและรวดเร็วขึ้น สามารถช่วยบรรเทาปัญหาน้ำท่วมบริเวณกรุงเทพมหานครและปริมณฑลได้เป็นอย่างดี ภายหลังจากโครงการปรับปรุง คลองลัดโพธิ์ อันเนื่องมาจาก พระราชดำริ แล้วเสร็จ เมื่อต้นปี 2549 ได้ใช้เป็นเครื่องมือ ในการบริหารจัดการน้ำและป้องกันปัญหาน้ำท่วมที่เกิดขึ้น ในบริเวณพื้นที่ตลอดสองฝั่งของแม่ น้ำเจ้าพระยา ตั้งแต่อำเภอบางไทร จังหวัดพระนครศรีอยุธยา กรุงเทพมหานคร จนถึงอำเภอพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ ได้บรรลุผลสำเร็จ เช่น เมื่อช่วงปลายปี 2549 ซึ่งเกิดเหตุการณ์น้ำท่วมเป็น บริเวณกว้างในพื้นที่ภาคกลาง กรมชลประทานดำเนินการบริหาร จัดการน้ำผ่านประตูระบายน้ำคลองลัดโพธิ์ได้สูงถึง 900 […]

โครงการ ชลประทานประจวบคีรีขันธ์ กับ รางวัลผู้ปิดทองหลังพระแห่งปีก่อนวันเกษียณ

บุณยฤทธิ์ หน่อทองแดง นายช่างเครื่องกลชำนาญการ โครงการ ชลประทานประจวบคีรีขันธ์ กับรางวัลผู้ปิดทองหลังพระแห่งปีก่อนวันเกษียณ ความสำเร็จของชีวิตผู้คนทั้งหลาย ล้วนอาจวัดได้ด้วย จากชื่อเสียงและเกียรติยศต่าง ๆ ที่หลั่งไหลเข้ามา แต่บุณยฤทธิ์ หน่อทองแดง นายช่างเครื่องกลชำนาญการ โครงการชลประทานประจวบคีรีขันธ์ สำนักงานชลประทานที่ 14ผู้ชายวัยใกล้เกษียณคนนี้กลับไม่คิดเช่นนั้น เพราะความ สำเร็จที่แท้จริงล้วนไม่ต้องรอวัตถุหรือชื่อเสียงมาการันตี แต่หากเป็นการให้ความสำคัญกับการรับผิดชอบภารกิจ และหน้าที่ ของตนเองให้ดีที่สุดแล้ววันหนึ่งทองที่ปิดอยู่หลังองค์พระจะเป็นที่ประจักษ์และปรากฏออกมาให้เห็นเอง นายบุณยฤทธิ์ เล่าว่า ตนเป็นชาวจังหวัดปัตตานี เรียนจบ การศึกษาระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง (ปวส.) ที่วิทยาลัยเทคนิคยะลา และปริญญาตรีที่มหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบุรี เริ่มต้นบทบาทการทำงานด้วยการเป็นนายช่างกลประจำโครงการมูโนะ โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาลุ่มน้ำบางนรา และ โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาลุ่มน้ำโก – ลก จังหวัดนราธิวาส ตามลำดับ ก่อนจะมาอยู่ที่โครงการชลประทานประจวบคีรีขันธ์ ในตำแหน่งนายช่างเครื่องกล รับผิดชอบเกี่ยวกับยานพาหนะ เครื่องจักร เครื่องมือ และบานประตูระบายน้ำในเขตจังหวัด ประจวบคีรีขันธ์ทั้งหมด ตั้งแต่อำเภอหัวหิน – อำเภอบางสะพานน้อย ระยะทางกว่า 220 กิโลเมตร ลงพื้นที่สำรวจบานประตูระบายน้ำให้พร้อมใช้งาน กับบทบาทหน้าที่การสำรวจบานประตูระบายน้ำนายบุณยฤทธิ์ อธิบายว่าหน้าที่นี้สำคัญมาก เพราะบานประตูระบายน้ำที่มีอยู่มากมาย อาจชำรุดเสียหายได้ทุกเมื่อ […]