เตือน ผู้สูงอายุ มีความเสี่ยงสูงที่จะเกิดผลข้างเคียงจากการใช้ยา


กรมการแพทย์ ชี้ ผู้สูงอายุ เป็นกลุ่มเสี่ยงที่จะเกิดผลข้างเคียงจากการใช้ยา เพราะจำเป็นต้องใช้ยาหลายชนิด รักษาหลายโรค ซึ่งพบว่าผู้ป่วยที่เกิดผลข้างเคียงจากการใช้ยา 1 ใน 3 มักเกิดกับ ผู้สูงอายุ

นายแพทย์ปานเนตร ปางพุฒิพงศ์ รองอธิบดีกรมการแพทย์ เผยว่า สำนักงานสถิติแห่งชาติคาดการณ์ว่าในปี พ.ศ. 2573 ประเทศไทย จะมีประชากรผู้สูงอายุ 18 ล้านคน ซึ่งกลุ่มผู้สูงอายุ จะมีปริมาณการใช้ยาสูงที่สุด โดยเฉลี่ยผู้สูงอายุ 1 คน จะมียาตามแพทย์สั่ง 4 – 5 ชนิด และอีก 2 ชนิด จากการซื้อมารับประทานเอง เช่น สมุนไพรต่างๆ สาเหตุที่ทำให้ผู้สูงอายุได้รับผลข้างเคียงจากการใช้ยามาจาก ภาวะถดถอยของร่างกาย โรครุมเร้า ทำให้ต้องใช้ยาหลายชนิดในการรักษา อีกทั้งร่างกายดูดซึมยาลดลง การกระจายตัวของยาน้อย ไตทำงานน้อยลง ทำให้มียาตกข้างในร่างกาย แต่ทั้งนี้ผลข้างเคียงที่เกิดจากการใช้ยาสามารถป้องกันได้ด้วย 8 ข้อปฎิบัติ เพื่อป้องกันผลข้างเคียงจากการใช้ยา

  1. เมื่อพบแพทย์ ควรมีรายละเอียดของชื่อยาที่รับประทาน ชื่อโรค และประวัติการแพ้ยาติดตัวไปด้วย
  2. เริ่มต้นการรักษาแบบไม่ใช้ยา เช่น ท้องผูกควร ดื่มน้ำมากๆ และรับประทานอาหารที่มีเส้นใยอาหารสูง
  3. รับประทานยาตามแพทย์สั่งอย่างสม่ำเสมอและติดตามการรักษากับแพทย์เป็นระยะ อย่านำตัวอย่างยาเดิมไปซื้อมารับประทานเอง
  4. นำยาทั้งหมดไม่ว่าจะได้รับจากที่ใดไปให้แพทย์ตรวจเช็คเป็นระยะ
  5. หลีกเลี่ยงการซื้อยาสมุนไพร ยาหม้อ และยาลูกกลอนมารับประทานเอง เนื่องจากอาจมีผลเสียต่อร่างกาย
  6. ควรตรวจดูวันหมดอายุของยา และอย่าเก็บยาที่เหลือไว้รับประทานครั้งต่อไป เนื่องจากยาอาจหมดอายุหรืออาจไม่ใช่ยาตัวเดิม
  7. ควรปรึกษาแพทย์ถึงสาเหตุที่จะหยุดยา เช่น เกิดผลข้างเคียง ยาไม่ได้ผล วิธีการใช้ยาซับซ้อนเกินไป ยาแพงเกินไป
  8. รับการรักษาและติดตามกับแพทย์คนเดิม หากต้องรักษากับแพทย์มากกว่า 1 คน ต้องนำประวัติเก่าและรายการยาที่ใช้อยู่มาแจ้งให้แพทย์ทราบ