อาหารสุนัข

อาหารสุนัข-แมว ไม่หงอย ตลาดโลกคึกคัก ดันไทยขึ้นแท่นผู้ส่งออกเบอร์ 2 ของโลก

ตลาดอาหารสุนัขและแมวทั่วโลกคึกคัก ไทยขึ้นแท่นส่งออกเบอร์ 2 ของโลก ปี 67 ส่งออกมูลค่า 2,677 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ สร้างโอกาสขยายตลาดจากความนิยมเลี้ยงสัตว์เลี้ยงที่เพิ่มขึ้นทั่วโลก

 

ด้วยบริบททางสังคมที่เปลี่ยนแปลงไป ความนิยมการเลี้ยงสัตว์เลี้ยงทั่วโลกได้เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างประชากร ทั้งจำนวนผู้สูงอายุที่เพิ่มขึ้น และสังคมที่มีขนาดครอบครัวเล็กลง ทำให้ผู้สูงอายุที่อาศัยอยู่ลำพังมักเลี้ยงสัตว์ไว้เป็นเพื่อน รวมถึงคนรุ่นใหม่ที่มีบุตรช้า หรือไม่แต่งงานก็มีแนวโน้มนิยมเลี้ยงสัตว์มากขึ้น

 

ข้อมูลจากสำนักนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า กระทรวงพาณิชย์ เผยว่าในปี 2567 ไทยเป็นผู้ส่งออกอาหาร สุนัขและแมวเป็นอันดับ 2 ของโลก ด้วยมูลค่า 2,677.03 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ขยายตัวร้อยละ 29 เทียบกับปีก่อนหน้า และมีสัดส่วนร้อยละ 10 ของมูลค่าส่งออกอาหารสุนัขและแมวของทั้งโลก ตามหลังเยอรมนี ที่ครองอันดับที่ 1 มาหลายปี โดยมีมูลค่าส่งออกอยู่ที่ 3,282.69 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (สัดส่วนร้อยละ 12.3 ของมูลค่าส่งออกรวมของโลก)

 

 

สำหรับการส่งออกในช่วง 7 เดือนแรกของปี 2568 ไทยส่งออกอาหาร สุนัขและแมวเป็นมูลค่า 1,685.74 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัวร้อยละ 10.72 เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า สหรัฐฯ ยังคงเป็นตลาดส่งออกอันดับหนึ่งของไทย โดยการส่งออกไปสหรัฐฯ มีมูลค่า 609.86 ขยายตัวร้อยละ 26 ยังคงขยายตัวท่ามกลางอัตราภาษีต่างตอบแทนร้อยละ 19 ของสหรัฐฯ ซึ่งไทยยังมีโอกาสแข่งขันด้านราคา

 

เรื่องที่ต้องจับตามอง คือพฤติกรรมผู้บริโภคในหลายประเทศที่หันมาสนใจสินค้าจากต่างประเทศมากขึ้น มาจากเทรนด์การใส่ใจสุขภาพสัตว์เลี้ยง ผู้ซื้อจึงหันมาสนใจสินค้าเกรดพรีเมียมจากต่างประเทศ รวมถึงสินค้าอาหารสัตว์เลี้ยงที่มีคุณค่าทางโภชนาการมากขึ้น ซึ่งความต้องการสินค้ากลุ่มนี้ ผู้ประกอบการไทยที่พัฒนาผลิตภัณฑ์อาหารที่หลากหลายฟังก์ชัน เช่น อาหารสัตว์เลี้ยงเพื่อสุขภาพ วิตามินสูง สัตว์เลี้ยงเด็ก สัตว์เลี้ยงป่วยหรือชรา โดยมีสูตรที่หลากหลายและใช้วัตถุดิบคุณภาพ จะตอบโจทย์ผู้บริโภคตามเทรนด์นี้ได้เป็นอย่างดี

 

อย่างไรก็ตาม ศักยภาพการแข่งขันของไทยในสินค้าอาหาร สุนัขและแมว ขณะนี้ถือได้ว่ามีเสถียรภาพและมีโอกาสเติบโตได้ต่อเนื่องและในหลากหลายตลาด เนื่องจากประเทศไทยมีจุดเด่นและมีภาพลักษณ์ที่ดีในด้านคุณภาพและมาตรฐานสินค้าอาหาร ซึ่งรวมถึงอาหารสัตว์เลี้ยงด้วย  อีกทั้ง ผู้ประกอบการควรให้ความสำคัญกับผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม  อาทิ การใช้บรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม หากผู้ส่งออกไทยสามารถผลิตสินค้าที่ตอบโจทย์แนวโน้มดังกล่าวได้ จะมีโอกาสขยายการส่งออกทั้งในตลาดหลัก เช่น ยุโรป และสหรัฐฯ รวมถึงโซนเอเชีย เช่น ญี่ปุ่น จีน และตลาดใหม่ในตะวันออกกลาง และยุโรปตะวันออกด้วย

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ