Mixue เตรียมเปิดสาขา

Mixue เตรียมเปิดสาขาแรกในสหรัฐฯ เพราะอะไรราชาน้ำแข็งหิมะถึงบุกแดนมะกัน

Mixue เตรียมเปิดสาขาแรกในนิวยอร์ก ถือเป็นกลยุทธ์ที่สำคัญเพื่อนำแบรนด์เข้าสู่ตลาดสหรัฐฯ ที่มีขนาดใหญ่ หลังประสบความสำเร็จอย่างมากในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ด้วยการชูจุดเด่นเรื่องของราคาที่เข้าถึงง่าย

 

Mixue แบรนด์ไอศกรีมซอฟต์เสิร์ฟและชา สัญชาติจีน มีจำนวนสาขาทั้งหมด 46,749 แห่ง เมื่อปีที่ผ่านมา โดยจำนวน 41,584 แห่ง อยู่ในจีน และในทวีปเอเชียมีจำนวน 4,895 แห่ง ซึ่งประมาณ 2,600 แห่ง อยู่ในอินโดนีเซีย, เวียดนาม, ไทย และมาเลเซีย อย่างไรก็ตาม รายได้ส่วนใหญ่จากต่างประเทศ ร้อยละ 70 มาจากอินโดนีเซีย และเวียดนาม

 

 

เชนร้านฟาสต์ฟู้ดจากประเทศจีนรายนี้ขึ้นชื่อในเรื่องเมนูที่มีสีสัน หลากหลาย โดยเฉพาะชานมไข่มุก, ไอศกรีมซอฟต์เสิร์ฟ, ชาผลไม้ ที่ราคาต่ำกว่า 1 ดอลลาร์สหรัฐฯ จนกลายเป็นที่นิยมในหมู่นักศึกษา ตลอดจนคนที่มีงบประมาณจำกัด อยากได้เครื่องดื่มราคาไม่สูงนัก

 

ตามรายงานจาก Commercial Observer เผยว่าแบรนด์เซ็นสัญญาเป็นระยะเวลา 10 ปี สำหรับเปิดร้านแห่งใหม่ในทำเล  266 Canal Street ในเขต Tribeca รัฐนิวยอร์ก มีพื้นที่ประมาณ 195 ตารางเมตร แต่ยังไม่ได้ประกาศอย่างเป็นทางการว่าจะเปิดให้บริการวันไหน

 

ในช่วงเวลาที่ผ่านมา แบรนด์เครื่องดื่มจากจีนมีความพยายามที่จะตีตลาดสหรัฐฯ ที่มีมูลค่ามหาศาล ไม่ว่าจะเป็น HeyTea และ Luckin Coffee โดย Jacob Cooke ซีอีโอ WPIC Marketing + Technologies บริษัทที่ปรึกษาด้านอีคอมเมิร์ซ มองว่าแบรนด์จากจีนจะประสบความสำเร็จด้วยกลยุทธ์ด้านราคาที่คุ้มค่า, การทำที่รวดเร็ว และการมีส่วนร่วมในแพลตฟอร์มสังคมออนไลน์ที่ปรับตัวให้เข้ากับผู้บริโภคยุคใหม่

 

แม้ว่าสหรัฐฯ จะถูกครอบงำโดยแบรนด์ท้องถิ่นอย่าง McDonald’s, Starbucks และอื่นๆ มานานหลายปี แต่เมื่อปีที่ผ่านมา Mixue ครองส่วนแบ่งตลาดทั่วโลกแซงหน้า McDonald’s ที่มีสาขา 41,800 แห่ง และ Starbucks ที่มีสาขา 40,200 แห่ง เป็นที่เรียบร้อย

 

 

แน่นอนว่าการที่ Mixue เตรียมเปิดสาขาแรกในนิวยอร์กถือว่าเป็นการเดินหน้าครั้งสำคัญทางธุรกิจ ด้วยการใช้หลัก “กลยุทธ์ราคาน่าตกใจ” ในตลาดที่แพง โดยจุดเด่นที่สุดของ Mixue คือการเสนอเมนูที่มีความคุ้มค่าสูงสุด เพื่อสร้างความแตกต่างอย่างชัดเจนจากคู่แข่งในตลาดเครื่องดื่ม และไอศกรีมในสหรัฐฯ ที่มักมีราคาค่อนข้างสูง ซึ่งเป็นการเจาะกลุ่มลูกค้าที่ใส่ใจเรื่องราคา

 

เช่นเดียวกับ “นิวยอร์ก” ที่เรียกได้ว่าเป็นเมืองศูนย์กลางของวัฒนธรรมอาหาร นี่คือ “สนามทดสอบ” ของแบรนด์ ผ่านกลยุทธ์ที่เคยทำมาว่าจะได้รับผลตอบรับเป็นอย่างไร เหล่านี้จึงเป็นความท้าทายของธุรกิจที่จะตีตลาดนี้ให้ประสบความสำเร็จ

 

ที่มา: chinadaily

 

เรื่องอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง