ในโลกที่เต็มไปด้วยความท้าทายอย่าหลีกเลี่ยงไม่ได้ สิ่งหนึ่งที่ทำให้ธุรกิจรอดพ้นจากช่วงวิกฤติได้คือ “วิธีคิด” ที่เป็นรากฐานสำคัญ ทำให้ธุรกิจเดินต่อไปได้อย่างแข็งแกร่ง และเติบโต
พูดได้ว่า “วิธีคิด” ไม่ใช่แค่ทางเลือก แต่คือรากฐานสุดท้าย ที่จะค้ำยันให้ธุรกิจของคุณไม่ล้มลงในช่วงวิกฤติ เพราะการเอาตัวรอดอย่างแข็งแกร่งและเติบโตได้ ไม่ได้วัดที่ขนาดของปัญหา แต่วัดกันที่ความแกร่งของวิธีคิดที่ใช้เป็นเข็มทิศนำทางต่างหาก
เช่นเดียวกับ คมสันต์ แซ่ลี ซีอีโอ Flash Express ผู้ให้บริการขนส่งพัสดุที่ผ่านเรื่องราวอันยากลำบากกว่าจะฝ่าฟันมาจนถึงทุกวันนี้ด้วยวิธีคิดที่เอาตัวรอด มองเห็นโอกาส สร้างธุรกิจจนกลายเป็นยูนิคอร์นรายแรกของประเทศไทยได้สำเร็จ
[3 สเตปที่คนทำธุรกิจต้องมี]
คุณคมสันต์ แซ่ลี เล่าถึงช่วงเริ่มแรกของการทำธุรกิจที่ยังมีไซส์ไม่ใหญ่มากว่า สิ่งที่ต้องให้เวลามากที่สุดไม่ใช่ “เงินทุน” แต่เรื่องที่ควรให้เวลามากที่สุดคือ “co-founder” เพราะผู้ร่วมก่อตั้งมีบทบาทสำคัญกับธุรกิจที่กำลังเริ่มต้นถึง 99% ว่าจะสำเร็จหรือไม่ ถ้าเรามีผู้ร่วมก่อตั้งที่ดีจะนำมาสู่แผนที่ดี กำลังใจที่ดี สามารถผ่านพ้นวิกฤตไปได้
หลังจากเราได้ผู้ร่วมก่อตั้งที่ดีมาแล้ว ช่วงที่สองสิ่งที่สำคัญที่สุดคือ “แผนธุรกิจ” หลายคนมักมองว่าสิ่งนี้เป็นเรื่องสำคัญสำหรับองค์กรขนาดใหญ่ แต่ผมคิดว่าแผนธุรกิจมีความสำคัญมากกว่าองค์กรขนาดใหญ่ โดยเฉพาะ SME เพราะเมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว เงินทุนไม่ได้มีมากมาย พนักงานไม่ได้เก่งเท่า แต่สิ่งที่ทำได้คือสร้างความแตกต่าง
“การสร้างความแตกต่างไม่ได้มาจากการนั่งคิด 1-2 วัน แต่มาจากการที่ไปนั่งคุยทุกคนที่เป็นลูกค้าเรา มาจากการคุยกันภายในของพวกเรา มาจากการศึกษาโมเดลในต่างประเทศหลาย ๆ โมเดลเพื่อมาปรับเป็นโมเดลของเราในประเทศไทย”
นี่จึงเป็นที่มาของ Flash Express ที่เข้ามาสร้างความแตกต่างให้กับตลาดนี้ ไม่ว่าจะเป็น การเป็นผู้ประกอบการรายแรกที่ทำงาน 365 วัน, เป็นรายแรกของประเทศไทยที่รับพัสดุฟรีถึงที่พัก, เป็นรายแรกของประเทศที่ลดราคา แต่แผนที่คิดมาดีแล้วว่ามัน “เจ๋ง” ก็อาจจะ “เจ๊ง” ได้ เราจึงคิดแผนมาหลายแผนรวมกันเป็น 1 แผน ซึ่งต้องมีสักจุดที่ต้องโดนใจลูกค้า ต้องมีสักจุดที่เป็นจุดอ่อนที่องค์กรขนาดใหญ่ยังทำได้ไม่ค่อยดี
เมื่อแผนที่ทำเห็นผล ลูกค้าซื้อ เรื่องตามาคือ “การเงิน” คุณคมสันต์ มองว่าผู้ลงทุนลงทุนเชื่อว่าตัดสินใจจากแผนธุรกิจที่ทำว่าลูกค้าซื้อจริง ๆ
[co-founder สิ่งที่เข้ามาเติมเต็ม]
ในช่วงแรกของการทำธุรกิจ Flash Express คุณคมสันต์ เริ่มต้นทำคนเดียว แต่ก็รู้ว่ายังขาดในส่วนเทคโนโลยีที่ต้องมีใครสักคนที่เข้ามาดูแลแบบ 100% ดังนั้น จำเป็นต้องหา co-founder เข้ามาเป็นผู้ถือหุ้นร่วม ไม่ใช่การหา CTO เพราะไม่มีเงินจ้าง
อย่างไรก็ตาม การจัดสัดส่วนหุ้นควรให้ความระมัดระวัง เพราะหลายคู่ทะเลาะกันเรื่องนี้จนต้องแยกทางกัน โดยสามารถจัดการด้วยวิธีเหล่านี้
- co-founder ที่ดีควรจะกินหุ้นขององค์กรรวมไม่เกิน 40% ไม่ว่าจะมีกี่คน หรืออีกทางหนึ่งผู้ก่อตั้งต้องมีหุ้นไม่น้อยกว่า 60%
- co-founder ทุกคน รวมไปถึงซีอีโอ ควรจะได้หุ้นปีละ 25% ของหุ้นที่คอมมิต แปลว่า ถ้า co-founder จะต้องได้หุ้น 10% เขาทำงานครบ 1 ปี จะได้หุ้น 5% อย่าเพิ่งให้ทั้งหมด แก้ปัญหาเรื่องความเสียเปรียบ
- เมื่อไหร่ก็ตามที่ co-founder ลาออก บริษัทมีสิทธิ์ซื้อหุ้นคืนในมูลค่าจริง 75%
เหล่านี้จะทำให้ co-founder ต้องทำงานอย่างเต็มที่ในฐานะเจ้าของร่วมเพื่อให้องค์กรมีมูลค่าที่สูงที่สุด และต้องทำงานกับเราในระยะเวลาที่ยาวพออย่างน้อย 4 ปี ถึงจะได้เป็นเจ้าของร่วมกับเราจริง ๆ เกิดความรักต่อองค์กรแบบ 100% ไม่เช่นนั้นมูลค่าที่ควรได้จะหายไป 75%
[แผนธุรกิจที่ดีควรเป็นแบบไหน]
คุณคมสันต์ มองว่าแผนธุรกิจอะไรก็ตามที่ทำให้เราได้เงิน คือแผนธุรกิจที่ดีหมด ไม่ได้สำคัญว่าจะไฮเทคแค่ไหน ขอให้ได้อยู่รอดคือสำคัญที่สุด ตัวอย่างง่าย ๆ แผนธุรกิจของ Flash Express ทั้งทำงาน 365 วัน, รับพัสดุถึงบ้าน, ราคาถูกกว่า จะเห็นว่าไม่ได้ไฮเทคเลย แต่สิ่งสำคัญคือความแตกต่างจากธุรกิจเดิมที่มีอยู่
อีกเรื่องที่เป็นเทรนด์สำคัญ คือ AI ที่ทุกวันนี้แทบจะใช้ฟรีอยู่แล้ว เป็นเรื่องไม่เคยเกิดขึ้นในสังคมไทย หรือทั่วโลกที่จะมีผู้เชี่ยวชาญที่ถามฟรี คิดแผนธุรกิจ ออกแบบให้ได้ จากเมื่อก่อนต้องรู้จักคนเก่งๆ เพื่อขอคำปรึกษาถึงจะทำธุรกิจได้ วันนี้ใช้เวลาไปถาม AI เยอะ ๆ ก็จะได้แผนธุรกิจออกมาแล้ว นำมาปรับใช้กับสิ่งที่เข้าใจ
คุณคมสันต์ ชวนมองต่อ หาก 3 สเต็ปเกิดขึ้นแล้ว เรื่องที่ควรมองต่อไปคือเมื่อระดมทุนได้แล้วจะใช้เงินนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงอย่างไรได้บ้าง เงินต้องเป็นสารฟิสิกส์ที่ทำให้ธุรกิจขยายออกไปอย่างกว้างขวาง มีความแข็งแรง เติบโต แต่ต้องคิดให้ชัดเจนว่าเงินนี้จะเอามาทำอะไร ถ้าไม่ได้นำมาใช้ประโยชน์จะทำให้ธุรกิจยิ่งเจ๊งเร็วขึ้น
“เฟดการชยายตัวธุรกิจน่ากลัวที่สุด ถ้าคุณขยายตัวรวดเร็วเกินไป เกินกำลังที่มีอยู่ คุณภาพสินค้ามีปัญหาแน่ๆ ลูกค้าหนีไปแน่ๆ เพราะมองว่าคุณไม่เหมือนเดิม ดังนั้นต้องมีความระมัดระวัง”
ทั้งหมดนี้คือวิธีิคิดของคมสันต์ แซ่ลี ที่ใช้ยึดเป็นแนวทางในการทำธุรกิจให้ประสบความสำเร็จมาจนถึงทุกวันนี้
ที่มา: งานสัมมนา SME ต้องรอด 2025 หัวข้อ No Way Out? : คิดแบบเจ้าของ ต้องรอดทุกวิกฤต
เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ
Post Views: 698