ตลาดขนมขบเคี้ยวเดือด

ขนมขบเคี้ยวเดือด! แบรนด์จีนท้าชน ทำตลาดไทยโตอืด คาดปี 68 โตแค่ 1.5%

ตลาดขนมขบเคี้ยวเดือด ในไทยต้องเผชิญกับความไม่แน่นอนทางธุรกิจ เมื่อนักท่องเที่ยวมีจำนวนลดลง การแข่งขันที่ดุเดือดของแบรนด์จีนที่จุดเด่นเรื่องราคา คาดปี 2568 จะโตแค่ 1.5% ชะลอตัวจากปี 2567 ที่โต 4.7%

ข้อมูลจากศูนย์วิจัยกสิกรไทย พบว่าตลาดขนมขบเคี้ยวของไทยมีการแข่งขันสูง โดยปัจจุบันมีผู้เล่นจำนวนมากกว่า 298 ราย ซึ่งอัตรากำไรขั้นต้น (Gross Profit Margin) ของตลาดขนมขบเคี้ยวสูง 20-35% ส่วนหนึ่งมาจากราคาวัตถุดิบที่เป็นสินค้าเกษตรยังมีราคาไม่สูง ทำให้สร้างมูลค่าเพิ่มได้ดี เหตุนี้จึงให้ผู้เล่นเดินเข้าสู่ตลาดนี้กันเป็นจำนวนมาก ส่งผลให้มีการแข่งขันที่รุนแรง

แม้ผู้เล่นรายใหญ่จะครองตลาดมายาวนาน มีความได้เปรียบในเรื่องของการบริหารต้นทุน และการจัดการตลาด สามารถทำโปรโมชันกระตุ้นยอดขายอย่างต่อเนื่อง สร้างการรับรู้แบรนด์ได้สม่ำเสมอ แต่ในเรื่องของการแข่งขันของผลิตภัณฑ์ดูจะไม่ใช่เรื่องง่ายนัก เพราะต้องแข่งขันกับผลิตภัณฑ์ที่มีความหลากหลาย รวมถึงการต้องข้ามไปแข่งกับตลาดอื่น ๆ เช่น ขนมหวาน ติ่มซำ เฟรนช์ฟรายส์ ลูกชิ้น เป็นต้น ให้ตลาดขนมขบเคี้ยวโตได้จำกัดตามการเพิ่มความถี่ในการบริโภคที่ทำได้ยาก

 

 

นอกจากนี้ ตลาดขนมขบเคี้ยวเดือดกับการเข้ามาของอาหารฟาสต์ฟู้ดสัญชาติจีน และเกาหลี อย่างไก่ทอดที่เข้ามาตีตลาดไทยเพิ่มขึ้น ก็ยิ่งทำให้การแข่งขันของตลาดขบเคี้ยวในประเทศรุนแรงขึ้น ขณะเดียวกัน ตั้งแต่ปี 2564-2567 พบว่าปริมาณการส่งออกขนมขบเคี้ยวไทยโตต่ำ เฉลี่ย 1.2% ต่อปี แม้ว่าในช่วง 2 เดือนแรก ปี 2568 จะโตพุ่ง 28.9% แต่ต้องเผชิญการแข่งขันที่รุนแรง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง “ตลาดจีน” ที่มีทั้งแบรนด์ขนมเก่า และใหม่ในจำนวนมาก ชูจุดเด่นเรื่องราคาถูก จึงกดดันการส่งออกขนมขบเคี้ยวของไทย

สำหรับในปี 2568 ประเมินยอดขายขนมขบเคี้ยวไทยจะอยู่ที่ 49,550 บาท โต 1.5% ชะลอจากปี 2567 ที่โต 4.7% จากปัจจัยภาคการท่องเที่ยวที่เติบโตช้า ส่งผลต่อการบริโภคขนมขบเคี้ยวในระหว่างเดินทางท่องเที่ยว และสังสรรค์เพิ่มขึ้นไม่มาก โดยตลาดขนมขบเคี้ยวไทยแบ่งออกเป็น 3 กลุ่มตามยอดขาย ได้แก่ ขนมขบเคี้ยวรสเค็มหรือเผ็ด คิดเป็น 51%, กลุ่มขนมปังกรอบและบิสกิต 36% และขนมที่ทำมาจากสาหร่าย/เนื้อสัตว์/ธัญพืช 13%

อีกทั้ง ความเสี่ยงของอุตสาหกรรมขนมขบเคี้ยวไทยในระยะกลาง-ยาว คือจำนวนนักท่องเที่ยวในไทยที่ไม่เติบโตมากนัก รวมถึงจำนวนประชากรไทนที่ลดลง และจำนวนผู้สูงอายุที่เพิ่มขึ้น ทำให้คาดการณ์ว่าอีก 5 ปีข้างหน้าการบริโภคขนมขบเคี้ยวไทยอาจโตต่ำเฉลี่ย 3% ต่อปี ตลอดจนเรื่องของการเก็บภาษีความเค็มที่อยู่ระหว่างการศึกษา ซึ่งไม่สามารถมองข้ามได้

ที่มา: ศูนย์วิจัยกสิกรไทย

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ