Mixue

Mixue ใช้กลยุทธ์อะไรถึงก้าวเป็นเบอร์ 1 แบรนด์แฟรนไชส์สาขามากที่สุดในโลก

Mixue แบรนด์ไอศกรีมซอฟต์เสิร์ฟสัญชาติจีนกลายเป็นแบรนด์อันดับ 1 ที่มีสาขาแฟรนไชส์มากที่สุดในโลก แซงหน้า McDonald’s กับ Starbucks จากสหรัฐฯ เป็นที่เรียบร้อย ทำให้เป็นกรณีที่น่าสนใจอยู่ไม่ใช่น้อยว่าทำอย่างไรถึงประสบความสำเร็จขนาดนี้

เรื่องราวของแบรนด์ Mixue เกิดขึ้นในปี 1997 ก่อตั้งโดย Zhang Hongchao ในเมืองแห่งหนึ่งของมณฑลเหอหนาน ทางตอนกลางของจีน ซึ่งธุรกิจเริ่มต้นจากร้านไอศกรีมเล็ก ๆ ด้วยแนวคิดที่อยากให้ผู้บริโภคเข้าถึงเมนูของหวาน-เครื่องดื่มในราคาที่เข้าถึงได้ แต่มีคุณภาพสูง เจาะกลุ่มเป้าหมายไปที่นักเรียน คนงานหนุ่มสาว ตามเมืองเล็ก ๆ แตกต่างจากแบรนด์คู่แข่งอื่นที่เน้นราคาพรีเมียม เจาะกลุ่มคนชนชั้นสูง ตามเมืองใหญ่ ๆ แน่นอนว่ากลยุทธ์นี้พิสูจน์ให้เห็นชัดแล้วว่าสามารถทำได้จริง และเป็นผู้ควบคุมสถานการณ์นี้ได้ด้วยตนเอง

ปัจจัยสำคัญคือการจะเข้าถึงกลุ่มลูกค้าจำนวนมากได้นั้น การรักษาราคาในระดับต่ำ โดยไอศกรีมโคนที่เป็นเอกลักษณ์ของร้านขายในราคาเพียง 2 หยวน (ประมาณ 9 บาท) เช่นเดียวกับเมนูอื่น ๆ ของร้าน ไม่ว่าจะเป็น ชานมไข่มุก, ชาผลไม้ และไอศกรีม ก็มีราคาไม่แพง

 

 

เมื่อมองในเรื่องของกลยุทธ์การขยายตัวก็ถือว่าเป็นเรื่องที่น่าทึ่งมาก โดยบริษัทดำเนินการในรูปแบบของแฟรนไชส์ที่เติบโตอย่างรวดเร็วแบบไม่ต้องใช้เงินทุนมหาศาล แต่สามารถสร้างแบรนด์ได้อย่างแข็งแกร่ง ซึ่งบริษัทจะมีการฝึกอบรมอย่างครอบคลุมเพื่อสร้างความแน่ใจว่าร้านค้าทุกแห่งจะรักษามาตรฐานคุณภาพ และบริการอย่างเท่าเทียมกัน ด้วยโมเดลธุรกิจนี้ทำให้แบรนด์ไม่ใช่แค่ตีตลาดตามพื้นที่เมืองใหญ่ของจีนเท่านั้น แต่ยังรวมเมืองเล็ก ตลอดจนพื้นที่ตามชนบทอีกด้วย

นอกจากนี้ ธุรกิจยังมีความทะเยอทะยานที่จะขยายสาขาออกไปต่างแดน โดยเฉพาะภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้, ออสเตรเลีย และญี่ปุ่น ซึ่งมีความยืดหยุ่นที่จะปรับเมนูให้เข้ากับรสนิยมท้องถิ่น แต่ยังคงเอกลักษณ์ไว้ สอดคล้องกับการทำธุรกิจที่ต้องคิดให้ใหญ่ แม้จะเริ่มจากสิ่งเล็ก ๆ ก็ตาม

ไม่เพียงเท่านั้น การสร้างแบรนด์ถือเป็นอีกหนึ่งรากฐานความสำเร็จ โดยโลโก้ก็เป็นอีกภาพจำของของลูกค้า สำหรับโลโก้ของแบรนด์จะมีเกล็ดหิมะ และตัวการ์ตูนที่ยิ้มแย้ม มองแล้วจำได้ทันที อีกทั้ง บริษัทยังนำการตลาดดิจิทัลมาใช้ประโยชน์จากแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย เช่น WeChat และ Douyin (TikTok เวอร์ชันจีน) เพื่อเข้าถึงกลุ่มลูกค้าวัยรุ่น

 

 

ตัวอย่างแคมเปญที่ประสบความสำเร็จมากที่สุด คือลูกค้าแชร์ภาพถ่าย และวิดีโอเมนูเครื่องดื่ม ซึ่งกลายเป็นไวรัลกระแสฮือฮาบนโลกออนไลน์ แนวทางการตลาดนี้ทำให้เกิดความภักดีต่อแบรนด์ โดยเฉพาะกลุ่มผู้บริโภค Gen Z

แม้ภาพรวมดูเหมือนว่าแบรนด์จะเติบโตอย่างน่าประทับใจ แต่ธุรกิจยังต้องเผชิญกับตลาดชานมไข่มุกที่เริ่มมีการแข่งขันอย่างดุเดือด มีแบรนด์ไฮเอนด์อย่าง Heytea และ Nayuki ที่แย่งชิงส่วนแบ่งทางการตลาดอยู่ ดังนั้น การรักษาคุณภาพ และความสม่ำเสมอจึงเป็นกุญแจสำคัญ ถึงไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ก็ต้องทำ รวมถึงการต้องพึ่งพานวัตกรรมอย่างต่อเนื่องเพื่อให้ธุรกิจอยู่เหนือกว่าคู่แข่ง ตลอดจนเรื่องของความยั่งยืนที่ธุรกิจสมัยใหม่ต้องมีอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

 

 

อาจจะกล่าวได้ว่า Mixue มีวิสัยทัศน์ทางธุรกิจที่ชัดเจน จนสามารถสร้างแบรนด์ได้อย่างแข็งแกร่ง และมุ่งเน้นไปที่เรื่องของราคาที่ลูกค้าเอื้อมถึงได้ แน่นอนว่าเป็นทางเลือกที่ดีในยุคเศรษฐกิจโลกที่ยังไม่ค่อยดีนัก การใช้จ่ายเงินในชีวิตประจำวันต้องเป็นไปอย่างระมัดระวัง

ทั้งนี้ แบรนด์ได้เข้า IPO ในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกงเป็นครั้งแรก เมื่อวันที่ 3 มี.ค. โดยระดมทุนได้ 444 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในการเสนอขายจำนวน 17 ล้านหุ้น ราคาหุ้นละ 202.5 ดอลลาร์ฮ่องกง

ที่มา: focus.cbbc

เรื่องที่เกี่ยวข้อง

Smart Ads